สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของบราซิล ระบุในแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่วันจันทร์หน้า (26 ส.ค.) เป็นต้นไป นักเดินทางชาวต่างชาติที่ไม่มีวีซ่าบราซิล และมุ่งหน้าไปยังประเทศอื่น ต้องเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง หรือเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดของพวกเขา

อนึ่ง บราซิลเผชิญกับนักเดินทางชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะจากทวีปเอเชีย ที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อหยุดพัก ก่อนยื่นขอลี้ภัยขณะที่พวกเขาอยู่ที่นี่ ซึ่งหลังจากนี้ไป นักเดินทางที่ไม่มีวีซ่า จะไม่ได้รับอนุญาตให้พำนักในบราซิล

รายงานสองฉบับจากทางการบราซิล ระบุถึงการสืบสวนของตำรวจที่พบว่า ผู้อพยพเหล่านี้กำลังยื่นเรื่องขอพำนักในบราซิล โดยอ้างว่าพวกเขาถูกข่มเหงและคุกคามในประเทศบ้านเกิด ซึ่งหลังจากได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในบราซิลแล้ว ผู้อพยพหลายคนมักเดินทางขึ้นเหนือทางบก ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐ หรือแคนาดา ผ่านช่องแคบดาเรียนที่อันตราย ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างโคลอมเบีย กับปานามา

“พวกเขาขอลี้ภัยในบราซิล เพื่อเป็นหลักประกัน เพราะถ้าพวกเขาถูกจับที่ชายแดนของสหรัฐ พวกเขาจะถูกส่งตัวกลับมายังบราซิล แทนประเทศบ้านเกิด” แหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโส ระบุ

ตามข้อมูลของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะบราซิล ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. ในปีนี้ มีคำขอลี้ภัยมากกว่า 8,300 รายการ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเซาเปาลู กัวรุลฮอส ซึ่งเป็นสนามบินพลุกพล่านที่สุดของประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้ มีคำขอเพียง 117 รายการเท่านั้น ที่ยังอยู่ในระบบการย้ายถิ่นฐานระดับชาติของบราซิล

“นั่นหมายความว่า ผู้อพยพซึ่งยื่นเรื่องขอลี้ภัยที่สนามบิน ในสัดส่วน 99.59% หรือประมาณ 8,210 คน เดินทางออกจากบราซิลไปแล้ว หรือยังพำนักอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย” รายงานระบุ.

เครดิตภาพ : AFP