สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า เบนเนตต์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลตาลีบัน ถือเป็นการก้าวถอยหลังที่ไม่ควรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาให้คำมั่นว่าจะบันทึกการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอัฟกานิสถานต่อไป

“การประกาศต่อสาธารณะของกลุ่มตาลีบัน ที่ระบุว่าพวกเขาจะไม่อนุญาตให้ผมเข้าสู่อัฟกานิสถานนั้น ถือเป็นการถอยหลัง และส่งสัญญาณที่น่ากังวล เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของพวกเขากับยูเอ็น และประชาคมระหว่างประเทศ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน” เบนเนตต์ กล่าวในแถลงการณ์

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เบนเนตต์ออกแถลงการณ์ที่หนักแน่น เกี่ยวกับสิทธิสตรีในอัฟกานิสถาน ในช่วงที่ประเทศกลายเป็นจุดสนใจในระดับนานาชาติ กระนั้น ทางการตาลีบันก็เพิกเฉยต่อคำวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายของพวกเขา

“แม้กลุ่มตาลีบันออกประกาศห้ามเข้าประเทศ แต่ผมจะมีส่วนร่วมกับประชาชนชาวอัฟกานิสถานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เช่นเดียวกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องรายอื่น อีกทั้งผมจะบันทึกการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการล่วงละเมิด รวมถึงสนับสนุนให้มีการปรับปรุงต่อไป” เบนเนตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า

นอกจากนี้ เบนเนตต์ยังยืนกรานว่า เขาพยายามมีส่วนร่วมกับทางการตาลีบันอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด รวมทั้งให้การประเมินที่สำคัญ และคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลตาลีบันพิจารณาและตัดสินใจใหม่ ให้เขาเดินทางเข้าอัฟกานิสถานได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตาลีบันเน้นย้ำว่า ปัญหาของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่การติดตาม และการรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เกี่ยวข้องกับเบนเนตต์โดยตรง ซึ่งนายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกรัฐบาลตาลีบัน กล่าวว่า เบนเนตต์ถูกแบน เพราะเขาได้รับการแต่งตั้งให้ประจำการในอัฟกานิสถาน เพื่อเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ และเขาไม่ใช่คนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้.

เครดิตภาพ : AFP