น.ส.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธาน บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้เพื่อลดความเสี่ยงลงให้ได้มากที่สุด Esri Thailand ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี GIS และ Location Intelligence ในประเทศไทย จึงเล็งเห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการเป็นกุญแจสำคัญ ในการรับมือกับความท้าทายดังกล่าวที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ โดยได้ผลักดันเทคโนโลยี GIS ที่สามารถคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นให้พร้อมรับมือได้ทันท่วงที ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงทุกฝ่ายผ่านการเปลี่ยนข้อมูลที่ซับซ้อนเป็นการนำเสนอในรูปแบบที่ทุกคนเข้าใจได้ และมองเห็นภาพเดียวกัน เพื่อประยุกต์ให้ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซึ่ง ‘การเชื่อมโยงความร่วมมือเข้าด้วยกัน’ เป็นหัวใจสำคัญ

ล่าสุด Esri Thailand ได้พัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้านโลเคชั่น ที่ตอบโจทย์การวิเคราะห์สถานการณ์ และวางแผนรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศหรือภัยพิบัติธรรมชาติ ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ รวมไปถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ภัยแล้ง พายุมรสุม อากาศร้อน หรือฝุ่น PM2.5 เป็นต้น ผ่านเครื่องมือหลากหลายรูปแบบ ร่วมจัดแสดงภายในงาน Thai GIS User Conference 2024 ที่ต้องการจะเพิ่มโอกาสสร้างความร่วมมือของทุกฝ่าย ทุกองค์กร ทั้งเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม โดยไฮไลต์เด่นจะมุ่งเน้นไปที่การยกระดับสาธารณูปโภคพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสังคมในทุกมิติ

อาทิ อัปเกรดโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้เหนือกว่าด้วย GIS นำเทคโนโลยี GIS มาบูรณาการเพื่อยกระดับโครงข่ายระบบไฟฟ้า ด้วยแบบจำลองโครงข่ายระบบไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ที่สามารถจำลองโครงข่ายระบบไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินในรูปแบบ 3 มิติ และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลสถานะของหม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และอุณหภูมิได้แบบเรียลไทม์ 

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอเทคโนโลยี GeoAI ที่สามารถจำแนกชนิดและลักษณะผิดปกติของอุปกรณ์ในโครงข่ายระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถวางแผนและดำเนินการซ่อมบำรุงอุปกรณ์และโครงข่ายระบบไฟฟ้าได้ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง เป็นการเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงข่ายระบบไฟฟ้า ทำให้องค์กรสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น.ส.แพร พันธุมวนิช รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า GeoAI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลเชิงพื้นที่ เช่น ตำแหน่งของโครงข่ายระบบไฟฟ้า ร่วมกับมิติข้อมูลเชิงเวลา อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศย้อนหลัง แนวโน้มความเร็วลม ปริมาณฝน ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้แม่นยำ โดยข้อมูลดังกล่าวสามารถบูรณาการร่วมกันเพื่อประเมินผลกระทบต่อโครงข่ายระบบไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ในช่วงฤดูมรสุม เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าพายุจะพัดเข้าทางใด ระดับน้ำที่อาจท่วมจะมีความสูงระดับใด พร้อมระบุจุดเสี่ยงที่อาจได้รับความเสียหาย และบ้านเรือนประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบ 

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวางแผนเตรียมการล่วงหน้าได้ เช่น การจัดเตรียมทีมงานและพัสดุอุปกรณ์สำหรับซ่อมบำรุง รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ช่วยลดความเสียหาย พร้อมทั้งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรามั่นใจว่าโซลูชั่นนี้ จะยกระดับการทำงานให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้

นอกจากนี้ ยังจัดการความท้าทายด้านภูมิอากาศด้วย GIS โดยเปิดตัวฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Flood Simulation ในซอฟต์แวร์ ArcGIS เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับจำลองน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตก เพื่อมารับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี และทวีความรุนแรงมากขึ้นจากปัญหาโลกร้อน ช่วยให้สามารถคำนวณปริมาณน้ำฝนเป็นมิลลิเมตร เพื่อจำลองสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ

ทั้งนี้ ส่งผลให้เห็นโอกาส และจัดงาน Thai GIS User Conference 2024 ขึ้น เป็นงานเทคโนโลยี GIS ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด “GIS – Uniting Our World” เป็นงานที่อัปเดตเทรนด์นวัตกรรม GIS ใหม่ล่าสุด และเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์ต่าง ๆ อาทิ AI, Machine Learning และ Deep Learning, Digital Twins, Big Data ที่ผนวกอยู่ใน ArcGIS เพื่อช่วยยกระดับการทำงานเชิงพื้นที่ให้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,000 คน