เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาโปรดให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ในการเป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้เชิญพระโอวาท สมเด็จพระสังฆราช เปิดการประชุมว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้เชิญพระโอวาทมาในการเปิดประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ ประจำปี 2567 ดังต่อไปนี้ ท่านทั้งหลายในฐานะพระสังฆาธิการ ในฐานะพระปริยัตินิเทศก์ และในฐานะบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการที่จะวางนโยบาย บริหารจัดการ ควบคุม ดูแลประสานงาน เสนอแนะ และสนับสนุนงานด้านการศึกษา จึงขอให้ทุกท่านตระหนักในภาระหน้าที่ว่ามิใช่เรื่องเล็กน้อย การทำหน้าที่ทางด้านพระปริยัติธรรม นอกจากเป็นการสืบอายุพระศาสนาให้ยั่งยืนนาน ยังเป็นการสนองพระบรมราโชบายของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก อีกด้วย

พระปริยัตินิเทศก์นั้นได้ชื่อว่าเป็นครูของครูอีกชั้นหนึ่ง จึงขอให้ท่านตระหนักอยู่เสมอว่า ครูของครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น คือ สมเด็จพระบรมครู ทรงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นสารถีผู้สามารถฝึกบุรุษได้อย่างล้ำเลิศ ไม่มีผู้ใดอื่นเทียมเท่า เพราะฉะนั้น การจะทำหน้าที่พระปริยัตินิเทศก์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และบังเกิดสัมฤทธิผล จึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้า และทำความเข้าใจในพระธรรมวินัยให้เชี่ยวชาญ ท่านที่เป็นพระปริยัตินิเทศก์ล้วนต้องครองวิทยฐานะนักธรรมเอก เป็นอย่างน้อย ผนวกกับวิทยฐานะอื่นๆ และประสบการณ์เข้าประกอบกัน ขอให้ท่านจงมั่นคงแน่วแน่ในหลักการ และกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ตามพุทธวิธี และตามวิถีแห่งบูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทย ที่ท่านได้ศึกษามาแล้วจนได้รับวิทยฐานะนั้นๆ

มีคำโบราณที่ขอหยิบยกมาย้ำเตือนใจท่านทั้งหลาย ว่า “อย่าทำตัวเป็นศิษย์นอกครู” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางพระพุทธศาสนา ถ้าภิกษุสามเณรรูปใด ริทำตน หรืออวดอ้างสั่งสอนไป นอกแบบอย่างหนทางของพระบรมครู ตลอดจนอุปัชฌาย์อาจารย์ที่ท่านอบรมสั่งสอนสืบทอดมา รับรองว่าภิกษุสามเณรรูปนั้น จักต้องได้รับผลรัายในเบื้องปลายอย่างแน่แท้ ขอให้ท่านจงมั่นใจว่าบูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทยได้อุตสาหะสร้างสรรค์ระบบการศึกษาพระปริยัติธรรม พากเพียรพัฒนา และต่อยอด เป็นลำดับมาอย่างสุขุมคัมภีรภาพ ท่านผู้เป็นปัจฉิมาชนตาชน อย่าอุตริพูด หรือทำ โดยเผลอใช้อัตโนมติของตน หรือเพื่อเอาอกเอาใจกระแสแห่งลาภสักการะ ที่จรมาจรไปอย่างชั่วครู่ชั่วคราว จนคลาดเคลื่อนนอกจากแบบไปจากหลักการในพระไตรปิฎก และวิธีวิทยาแห่งการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย ซึ่งนำโดยเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ ตามที่ได้ทรงศึกษา วิจัย และกำหนดเนติแบบแผนไว้อย่างชัดเจนเป็นระบบระเบียบแล้ว ในขณะเดียวกัน ก็ขอให้มีน้ำใจอาจหาญมั่นคง ที่จะกล้ายืนยัน กำกับ และกำชับในหลักการและวิธีการที่ถูกต้องให้เป็นมาตรฐานของสำนักศาสนศึกษา หรือโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่ท่านได้ไปทำการนิเทศ ทั้งแผนกบาลีสนามหลวง ธรรมสนามหลวง และสามัญศึกษา ทุกแห่งไป

ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พระปริยัตินิเทศก์ เป็นบุคลากรทางการศึกษาของคณะสงฆ์ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีหน้าที่หลักคือการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม ส่งเสริมสนับสนุนและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมแก่สถานศึกษาพระปริยัติธรรม พระปริยัตินิเทศก์จึงมีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้มีหน้าที่นิเทศ ติดตาม ประเมินผล การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง 3 แผนก คือ แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญศึกษา ดังนั้น หากพระปริยัตินิเทศก์ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะช่วยส่งเสริมสถานศึกษาพระปริยัติธรรม ในการจัดการศึกษาและส่งเสริมพระภิกษุสามเณร ให้มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ดำรงตนเป็นศาสนทายาทสืบไป ดังนั้นศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ร่วมกับพศ. จัดโครงการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์และผู้เกี่ยวข้อง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวันที่ 21-22 ส.ค. เพื่อให้บุคลากรศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ และบุคลากรทางการศึกษาพระปริยัติธรรม รับทราบนโยบายการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมภายใต้ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 นโยบายการศึกษาของคณะสงฆ์ และของพศ. เพื่อถือถือปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพพระปริยัตินิเทศก์ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ และระดมความเห็นวางแผนและพัฒนาการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยมีพระปริยัตินิเทศก์ทั่วประเทศ ผู้แทนส่วนงานการศึกษาพระปริยัติธรรม และผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมสัมมนา รวม 800 รูป/คน