สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ว่า รัฐบาลของสหรัฐและฟิลิปปินส์ ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะผู้ขอวีซ่าใน “จำนวนจำกัด” เท่านั้น โดยไม่เปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน และทั้งสองฝ่ายยังคงหารือเกี่ยวกับระยะเวลาของโครงการ

แม้โครงการนี้เคยถูกนำเสนอต่อสาธารณชนชาวฟิลิปปินส์ เมื่อปีที่แล้ว แต่ต้องเผชิญกับการคัดค้านภายในประเทศ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและอื่น ๆ โดยนายโฮเซ มานูเอล โรมูอัลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐ กล่าวว่าในเวลานั้นมีผู้ขอวีซ่าประมาณ 50,000 คน รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ทำงานให้กับรัฐบาลอัฟกานิสถาน ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ซึ่งถูกโค่นล้มโดยกลุ่มตาลีบัน

ด้านโฆษกของสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงข้างต้น ผู้ขอวีซ่าจะพักอยู่ในสถานที่ซึ่งดำเนินการโดยผู้ประสานงานด้านความพยายามย้ายถิ่นฐานสำหรับชาวอัฟกัน (ซีเออาร์อี) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ

ขณะที่โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวเสริมว่า ผู้ขอวีซ่าแต่ละคนจะต้องได้รับวีซ่าฟิลิปปินส์ก่อน และต้องผ่านการตรวจสุขภาพในอัฟกานิสถานเช่นกัน ซึ่งพวกเขาสามารถอยู่ในฟิลิปปินส์ได้ไม่เกิน 59 วัน และจะถูก “จำกัดอยู่ในที่พักที่กำหนด” ยกเว้นในกรณีที่ต้องไปสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูต

นอกจากนี้ รัฐบาลวอชิงตันระบุว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุน “บริการที่จำเป็นทั้งหมด” ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, ที่อยู่อาศัย, ความปลอดภัย, การแพทย์ และการขนส่ง ระหว่างที่ผู้ขอลี้ภัยชาวอัฟกัน อยู่ในฟิลิปปินส์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES