นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือกรุงศรี กล่าวว่า “กรุงศรี ฟินโนเวต และอีฟราสตรัคเจอร์ ต่างอยู่ในสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์มานานและทำงานใกล้ชิดกับสตาร์ทอัพจำนวนมาก กองทุนฟินโนอีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์ (Finno Efra Private Equity Trust) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า FinnoEfra เกิดขึ้นจากมุมมองและเป้าหมายเดียวกันของทั้งสองบริษัทคือ เราต้องการสร้างสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์ของไทยให้แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อมองย้อนกลับมาดูภาพรวมของสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์ในประเทศไทยจะเห็นว่า Corporate Venture Capital หรือ CVC เป็นกลุ่มหลักที่ให้การสนับสนุนและเข้ามาลงทุนในอีโคซิสเต็มส์นี้ โดยบรรยากาศการลงทุนจะเน้นไปที่กลุ่มSeries A ขึ้นไปเป็นส่วนมาก สวนทางกับเทรนด์การลงทุนสตาร์ทอัพในต่างประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะมุ่งให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับ Early Stage ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมีสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ เกิดขึ้น”

กองทุน Finno Efra Private Equity Trust ที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันของ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ บริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด เป็นกองทุนขนาดประมาณ1,300 ล้านบาท (หรือประมาณ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มุ่งลงทุนสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วง Seed ถึงPre-series A เป็นหลัก เน้นลงทุนในกลุ่ม Impact & Digital Transformation โดยสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่จะโฟกัสที่สตาร์ทอัพสัญชาติไทย คิดเป็นสัดส่วนราว 60% และที่เหลือจะเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพประเทศต่างๆ ในอาเซียน ซึ่งเทคสตาร์ทอัพกำลังเติบโตอย่างเห็นชัดเจน โดยยอดการลงทุนในแต่ละดีลอยู่ที่ราว 8-40 ล้านบาทต่อกิจการ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและตามที่บริษัทกำหนด

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.วรรณ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง และในฐานะนักลงทุนสถาบันพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว   

“การร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับตลาดทุนไทย และเพิ่มความหลากหลายให้กับสินทรัพย์ทางเลือก จากเดิมมักจำกัดอยู่ในตราสารทุน ตราสารหนี้ หรือสินค้าโภคภัณฑ์อีกทั้งที่ผ่านมา บลจ.วรรณ มีความมุ่งมั่นที่จะนำร่องผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ๆ มาโดยตลอด เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการลงทุน และไม่พลาดโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ” นายพจน์ กล่าว

ทั้งนี้ บลจ.วรรณ เตรียมนำเสนอขายกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนใน กองทุน Finno Efra Private Equity Trust ซึ่งเป็นกองทุนรวมแรกของประเทศไทยที่ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ Pre-Series A เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าประเภทกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายครั้งแรกพร้อมกองทรัสต์อย่างไรก็ดีขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด กล่าวว่า “นอกเหนือจากเรื่องการลงทุนที่มีอย่างจำกัดแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ หลักสูตรหรือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้คำปรึกษา และบ่มเพาะสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ ลดน้อยลงไปมากซึ่งจริงๆ แล้วมองว่า Accelerator และ Incubator คือจิกซอว์สำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพรายใหม่ๆเกิดขึ้นและเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ลงทุนและสตาร์ทอัพได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับกองทุน Finno Efra คือ กรุงศรี ฟินโนเวต และอีฟราสตรัคเจอร์ จะร่วมกันทำ Finno Efra Accelerator Program เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่สนใจสมัครเข้ามาเรียนรู้ โดยเราจะใช้เครือข่าย ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีสร้างให้หลักสูตรนี้ครอบคลุมในทุกๆ มิติที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ ออกแบบหลักสูตรให้สตาร์ทอัพที่เข้ามาได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่”