สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่านพ.ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ประจำภาคพื้นยุโรป กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของโรคฝีดาษลิง หรือเอ็มพ็อกซ์ ซึ่งดับเบิลยูเอชโอประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการประกาศซ้ำในรอบ 2 ปี ต่อจากระหว่างปี 2565-2566 ว่า “ฝีดาษลิงไม่ใช่โควิดครั้งใหม่”


ทั้งนี้ นพ.คลูเกอกล่าวว่า ประชาคมโลกมีความเข้าใจขั้นพื้นฐานต่อโรคดังกล่าว และเรียนรู้ รวมถึงถอดบทเรียนจากการแพร่ระบาดครั้งก่อนแล้วว่า จะเฝ้าระวังและป้องกันอย่างไร พร้อมทั้งยืนยันว่า ความเสี่ยงที่โรคฝีดาษลิงจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง “ยังอยู่ในระดับต่ำ”


เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยุโรป ( อีซีดีซี ) ยกระดับเตือนภัย ความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในภูมิภาค จาก “ต่ำ” เป็น “ปานกลาง” โดยยังคงยืนยันว่า แนวโน้มการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคฝีดาษลิงในทวีปยุโรป “ยังอยู่ในระดับต่ำ” แต่ทุกฝ่ายควรมีมาตรการคัดกรอง และควบคุมโรคที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากเริ่มมีการแพร่ระบาด ข้ามพรมแดนออกจากทวีปแอฟริกา


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ 1 หรือเคลด 1 มีความรุนแรงระดับสูงสุดในบรรดาทุกสายพันธุ์ และมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10% แต่มีอัตราการกลายพันธุ์ต่ำ และกลุ่มเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ 2 หรือเคลด 2 แม้มีความรุนแรงของโรคต่ำกว่าเคลด 1 แต่มีอัตราการกลายพันธุ์ต่ำถึงปานกลาง


อย่างไรก็ตาม การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยองค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับกลุ่มเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “เคลด 1บี” ซึ่งกลายพันธุ์มาจากกลุ่มสายพันธุ์ที่ 1 หรือเคลด 1 และมีความรุนแรงมากกว่า.

เครดิตภาพ : AFP