เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรักษาการประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังยืนยันกับตนว่ายังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านกันเหมือนเดิม ส่วนกระแสข่าวที่ออกมา ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เขาก็ยืนยันกับตนว่าไม่มี มันไม่มีการพูดคุยกันในพรรคอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำในเรื่องนี้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรม บางทีข่าวก็คือข่าว อาจจะมีที่หลุดออกมาแล้วตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ตรงกับข้อเท็จจริงบ้าง

เมื่อถามว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เองว่ายังไม่ปิดทางร่วมรัฐบาล ถ้าประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลจริง จะตอกย้ำว่าพรรคประชาชนถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในสภาก็เป็นเรื่องหนึ่ง และไม่ว่าเราจะถูกโดดเดี่ยวอย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าตั้งแต่หลังเลือกตั้งแล้ว คำพูดที่บอกว่าพรรคก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ก็โผล่มาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งตนก็บอกมาตลอดว่า ไม่มีพรรคร่วมฝ่ายค้านไหนที่รวมตัวกันโดยสมัครใจ พรรคร่วมฝ่ายค้านคือพรรคที่ไม่ถูกเชิญไปร่วมรัฐบาล

“เราอาจจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐก็ได้ ใครจะไปรู้ เพราะถ้าไม่ได้ร่วมรัฐบาล ก็แปลว่าเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นการถูกโดดเดี่ยวโดยสภาหรือไม่ ตนไม่ได้หนักใจอะไร เพราะถ้าการเลือกตั้งออกมาแล้ว เราไม่ถูกโดดเดี่ยวจากประชาชน ก็พอแล้ว” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีของพรรคไทยสร้างไทยตอนนี้ ตนได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยแล้ว โดยคุณหญิงสุดารัตน์ขอให้ สส.พรรคไทยสร้างไทย ได้ลดบทบาทของตัวเองร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย เรียบร้อยแล้ว นายฐากร ก็เข้าใจในส่วนนี้ดี และเคารพในการตัดสินใจของคุณหญิงสุดารัตน์ โดยจะขอระงับกิจกรรมทั้งหมดในโควตาของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายฐากร จะลาออกจากประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่าสถานการณ์ของพรรคไทยสร้างไทยตอนนี้เป็นรัฐบาลหรืออิสระ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนไม่สามารถนิยามได้ว่าเขาอยู่ในสถานะไหน แต่เพื่อความเป็นธรรมในการคุยกัน นายฐากร ยืนยันกับตนว่าการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ไม่ได้มีเจตนาไปร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่นายฐากร ต้องไปคุยกันในพรรคไทยสร้างไทยเอง และนายฐากรยังยืนยันว่ายังอยากเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่ แต่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน และยินดีที่จะหยุดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้านไว้ก่อน โดยในการลงมติครั้งต่อๆ ไป ที่ฝ่ายค้านจะมีมติร่วมกันบางอย่าง ก็ยินดีที่จะพิสูจน์ตัวเองในอนาคต ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ตนให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าจุดยืนที่นายฐากรแจ้งตนจะเป็นอย่างไรต่อไป

“ในฐานะที่ผมเป็นประธานวิปฝ่ายค้าน ไม่ควรที่จะผลักใครออกไปจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น ผมคงไม่มีทางตัดเยื่อใย ถ้าพฤติกรรมต่างๆ ไม่ได้บ่งชี้อย่างชัดเจน เพราะคิดว่ายังมีวาระต่อๆ ไป ที่อาจจะพิสูจน์กันได้ว่า เรายังสามารถร่วมงานกันในฐานะฝ่ายค้านได้หรือไม่” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่าคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวหาร้ายแรงมาก ว่า 6 สส.ของพรรคไทยสร้างไทย สวนมติฝ่ายค้าน ทั้งที่ไม่ควรจะเป็น เพราะเสียงรัฐบาลเพียงพอแล้ว นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์พูดชัดเจนว่า เรื่องนี้ต้องผ่านคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมภายในพรรค ตนคิดว่าการพูดคุยกันในวันนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ยังไม่ได้พูดคุยกับ สส. ทั้ง 6 คน แต่อย่างไร ตนก็เคารพสิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดกับพรรคประชาชน ตนคิดว่าหลังจากที่พูดคุยกันในพรรคไทยสร้างไทยแล้ว มีความชัดเจนอย่างไร ก็สามารถดำเนินการต่อได้ ยืนยันว่าในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ไม่สามารถผลักดันออกไปได้ แต่ยอมรับว่าการที่มีมติไม่ตรงกับฝ่ายค้าน ก็มีผลกระทบตามมา.