จากกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ที่เพิ่งเข้าพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 อย่างเป็นทางการ ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

‘แพทองธาร’ รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31

เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 67 “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “เอ้ สุชัชวีร์” โดยเสนอ 4 นโยบาย เพื่อยกระดับสังคมไทย ซึ่งถ้าหากทำได้ จะได้ใจประชาชนอย่างแน่นอน

โดย ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ระบุข้อความว่า “ผมขอเสนอ 4 นโยบาย ยกระดับสังคมไทย ท่านนายกรัฐมนตรีหากทำได้ จะได้ใจประชาชน” 
ผมขอแสดงความยินดีกับ ท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 “คนรุ่นใหม่” และยังเป็น “คุณแม่” ที่ลูกยังเล็ก ซึ่งน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เป็นพ่อ ในสภาวะสังคมไทยที่ “อ่อนแอ” ลงทุกวัน สังคมไทยที่กำลังห่อเหี่ยวรอ “ความหวัง” ในการปฏิรูป “สังคม” และ “เศรษฐกิจ” สู่โลกยุคดิสรัปชั่น ที่ต้องแข่งขันด้วย “ทรัพยากรมนุษย์” เน้น “ทักษะขั้นสูง” ทดแทนการใช้แต่ “ทรัพยากรธรรมชาติ” ที่เน้นแต่ “การท่องเที่ยว” แบบแมส ที่ผลาญสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ยังระบุข้อความอีกว่า “นโยบายของรัฐบาลหนึ่งปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ยัง “ไม่เข้าฝัก” “ไม่เป็นรูปธรรม” แม้นายกรัฐมนตรีทุกคน ต้องเน้นเรื่อง “ปากท้อง” เพราะเป็นความทุกข์ใกล้ตัวประชาชน แต่มี 4 เรื่องสำคัญ ผมขอฝากท่านนายกฯ ช่วย “ยกระดับสังคม” เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและลูกหลาน หากทำได้ จะได้ใจประชาชนมาก” 

  1. “การศึกษา ต้องมาก่อน และเริ่มทันที” 
    นายกรัฐมนตรี ต้องเน้นเรื่อง “การปฏิรูปการศึกษา” แบบจริงจัง เพราะเป็นเรื่องระยะยาว ไม่อาจเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น “ไม่ทำแบบขอไปที” ต้องทำหน้าที่แทน “พ่อแม่” ของเด็กไทย รักลูกท่านอย่างไร ต้องรัก “ลูกชาวบ้าน” เช่นกัน ท่านนายกฯ ในฐานะคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ย่อมรู้ดีที่สุดว่า คุณภาพการศึกษาของ “เด็กปฐมวัย” คือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ผู้นำรัฐบาลในทุกประเทศชั้นนำ จะลงมากำกับดูแล “คุณภาพเด็ก” ด้วยตนเอง วางแผนระยะยาว ไม่ปล่อยให้คนอื่นสักแต่ทำ หรือทำแบบขอไปที หากนายกฯ ทำเรื่อง “การศึกษาเด็ก” ให้มีคุณภาพ คนจะชื่นชมมาก 
  2. “ขจัดยาเสพติด ทุกรูปแบบ” 
    นายกรัฐมนตรี อ่อนโยนได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่อง “ยาเสพติด” ต้องแข็งกร้าว ไม่เอายาเสพติด คงไม่ต้องไปทำถึง “วิสามัญ” แต่ต้องใช้กฏหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม เพื่อป้องกัน “ลูกหลาน” ให้ห่างไกลจากอันตรายยาเสพติดทุกประเภท ปัญหายาเสพติดไม่ใช่ “การต่อรองทางการเมือง” แต่ต้องเป็น “หน้าที่รับผิดชอบ” ของผู้นำประเทศทุกคน 
  3. “ความปลอดภัยสาธารณะ คือ สิทธิขั้นพื้นฐาน” 
    นายกรัฐมนตรี ต้อง “รักและห่วงใย” ประชาชนเสมือนคนในครอบครัว ต้องสร้างสังคม ที่ลูกหลานปลอดภัย ไปไหนไม่ต้องกังวลว่า จะถูกรถมาชนบนทางม้าลาย ของจะหล่นใส่หัว เดินไปโรงเรียนจะตกท่อ โรงงานสารเคมีข้างบ้านจะระเบิด  เพราะสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ คือ การดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย คือ มาตรวัด “คุณภาพชีวิต” ของคนไทย และคือ มาตรวัดผลงานรัฐบาล  ทั้งเรื่อง “ฝุ่นพิษ” PM2.5 ที่ทำร้ายสุขภาพเด็กไทย อย่าง “รุนแรง” รัฐบาลที่ผ่านมามักแก้ปัญหาแบบ “ตามฤดูกาล” เดี๋ยวก็ลืมกันไป นายกฯต้องแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ หากทำได้ “ได้ใจพ่อแม่” ทั้งประเทศไทยแน่นอน 
  4. “รัฐบาลโปร่งใส ไม่คอร์รัปชั่น”  
    นายกรัฐมนตรี ต้อง “ใจแข็ง” ใครก็รู้ การเมืองไทยกับปัญหาการคอรัปชั่น มันอยู่คู่กันมานาน แต่ท่านนายกฯ “ได้เปรียบ” เพราะมีผู้มีพลังหนุนหลัง ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องขอใคร ไม่ต้องเกรงใจใคร ทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” ได้โดยไม่มี “ข้ออ้าง” การ “ลดคอร์รัปชั่น” จะเป็นสัญญาณ “บวก” ที่มีพลังมากที่สุดต่อภาคธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ใครก็อยากมาลงทุนในประเทศไทย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่อง “เงินใต้โต๊ะ” เงินทุนก็เข้าระบบ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นทันที หากแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้ ท่านนายกฯ จะเป็น “ซูเปอร์ฮีโร่” ได้รับการจดจำนานเท่านาน ผมในฐานะ “พลเมืองไทย” และ “มนุษย์พ่อ” ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ทำงานให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของชาติ จะขอเฝ้าดู ติดตามและ “กล้าเห็นต่าง” หากท่านลืมไปว่า ท่านเป็น “ผู้นำ” ที่มีหน้าที่ “รับผิดชอบ” ต่อประชาชนไทย 

ขอบคุณข้อมูล : ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์