ฉะนั้นโผ ”ครม.จันทร์ส่องหล้า“ รอบนี้ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” พรรคเพื่อไทย “ทักษิณ ชินวัตร” เร่งปิดเกมเร็วตัดจบไม่ให้แรงกระแทกกระเพื่อมภายในทีม แบ่งเค้กตามไฟต์บังคับรัฐบาลผสมสูตรพิสดารยังต้องกอดคอหนีตายจากสึนามิสีส้ม เวนคืนโควตาตามเดิมของพรรคร่วมรัฐบาล และสับเปลี่ยนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพียงไม่กี่เก้าอี้เท่านั้น
แต่ที่ถูกมองโดนขึ้นบัญชีไล่อัปเปหิพ้นรัฐบาล ตามข้อหาเป็นตัวป่วนรัฐบาลผสมสูตรพิสดารที่ใครๆก็รู้กัน ตั้งแต่มีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” ไม่ปลื้มคนบ้านป่าฯ ล่าสุดมีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่าการตั้งรัฐบาล “แพทองธาร 1” ไม่ต้องการให้ตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ร่วมรัฐบาล เนื่องจากเกิดความไม่พอใจและไม่สบายใจในหลายๆ เรื่อง เช่นกรณีที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อยู่เบื้องหลังการให้ 40 สว. ยื่นถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ยืนยันโควตาเดิม เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เก้าอี้รัฐมนตรียังเหมือนเดิม แต่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีการขยับปรับเปลี่ยนมากที่สุด ตามธรรมเนียมต้องให้มีการหมุนเวียนกัน เพื่อตอบแทนให้กับกลุ่มการเมืองและกลุ่มทุนในพรรค ยกเว้นระดับคีย์แมนสำคัญบางตำแหน่ง ที่ต้องสงวนเอาไว้ จึงต้องจับตาว่าจะมีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งกี่คน
แน่นอนว่าการจัดทัพ “ครม.แพทองธาร 1“ เพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการตรวจเข้มคุณสมบัติรัฐมนตรีรอบนี้สั่งตรวจเข้มงวดเป็นพิเศษ ทั้งผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วย้อนหลังกลับไปด้วย และผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหน้าใหม่ เพื่อไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำรอย ลงเหวเหมือนในอดีต สมัยอดีตนายกฯเศรษฐา ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระบุเอาไว้ว่า “การพิจารณาว่าบุคคลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามมาตรา 160 (4) และไม่ฝ่าฝืนหรือปฏิบัติตามจริยธรรม 160 (5)
การฟอร์มทีมครม.ชุดใหม่ภายใต้การบริหารของ “นายกฯแพทองธาร” ภายใต้เงาผู้เป็นพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ถือเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายเทหมดหน้าตักของตระกูลชินวัตร ตามโจทย์สถานการณ์ยาก ตัวแปรเปลี่ยนตามดุล อำนาจ นั่นย่อมส่งผลถึงการฟอร์มรัฐบาลเกลี่ยกระทรวง บนฐานเจรจาต่อรอง ต้องแชร์อำนาจ เกลี่ยเค้กกันใหม่ รวมถึงปิดประตูความเสี่ยงทุกทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเหมือนในอดีตที่ผ่านมา.