จากกรณี นางสาวธเนตร แก้วเรือนทอง อายุ 45 ปี มารดาของนายธนภัทร หรือ น้องซี อายุ 15 ปี ที่ผูกคอตายใต้ต้นไม้กลางป่าชายเลน หลังสถานีสูบน้ำคลองเจริญราช ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนในพื้นที่ หลังจากสงสัยในการเสียชีวิตของลูกชาย เนื่องจากเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พา นางสาวธเนตร แก้วเรือนทอง อายุ 45 ปี มารดา พร้อมญาติ เข้าพบกับ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อให้ติดตามคดี และคลี่คลายปมข้อสงสัยของมารดา ที่ว่าลูกชายอาจถูกจัดฉากฆาตกรรม โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ และทางเพจ ได้นำร่างน้องซี หรือ นายธนภัทร อายุ 15 ปี ไปชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช ส่วนพิธีฌาปนกิจในวันนี้ต้องเลื่อนไปก่อน ส่วนชายลึกลับที่โทรศัพท์มาหา นางสาวธเนตร ในคืนวันที่ 14 ส.ค.นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นเป็นเยาวชน และไม่ได้รู้จักผู้เสียชีวิตแต่อย่างไร ส่วนเบอร์นั้นเอามาจากเพจต่าง ๆ ที่ลงประกาศตามหาผู้ตาย โดยได้มีการยกมือไหว้ขอโทษแม่ผู้ตาย โดยกล่าวสั้น ๆ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องซี ที่ทำไปด้วยความคึกคะนอง ส่วน นางสาวธเนตร ยังไม่ปักใจเชื่อ
เอก สายไหมต้องรอด กล่าวว่า คุณแม่น้องวัย 15 ปี มาร้องขอให้ตรวจสอบขอความเป็นธรรมกรณีที่ลูกชายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ตนจึงประสานท่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และพาครอบครัวมาเข้าพบ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ปราศจากข้อสงสัย ซึ่งเราก็ยังตอบไม่ได้ว่าผูกคอตายหรือฆาตกรรม เพียงแต่วันนี้ที่ตนพาครอบครัวมาพบท่านผู้การ ก็เพื่อให้สั่งการให้ฝ่ายสอบสวนพิสูจน์ทราบ ตรวจสอบข้อสงสัยของคุณแม่อีกครั้งหนึ่งก่อนจะมีการเผาศพ แล้ววันนี้ตนได้นำเรียนท่านผู้การไปแล้วว่า ตนประสานผู้ช่วยรัฐมนตรี นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ไปแล้ว เพื่อขอนำศพไปตรวจซ้ำ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งทางโรงพักก็ได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว เราก็จะพาร่างน้องไปตรวจซ้ำ วันนี้การตายมีข้อสงสัยพิรุธมากมาย ซึ่งขณะนี้จะยังไม่มีการเผาศพน้องซี จะเดินทางลงพื้นที่ไปที่วัดและไปดูที่จุดเกิดเหตุ ผมจึงสอบถามยังคุณแม่ว่าสงสัยประเด็นไหนในเรื่องการตายของน้องซี คุณแม่ติดใจในสาเหตุการตาย แล้วศพก็จะต้องเผาวันนี้ ทางครอบครัวจึงไม่รู้จะทำยังไง ซึ่งก่อนเกิดเหตุ วันที่ น้องซี ได้หายตัวออกไปจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ ทางบ้านก็ประกาศตามหาผ่านโซเชียลเฟซบุ๊ก และไปตามดูกล้องแถวบ้านก็หาไม่เจอ กระทั่งผ่านไปหนึ่งวัน คือวันที่ 14 สิงหาคม
แม่น้องซี กล่าวว่า ไม่เชื่อแน่นอนว่าน้องฆ่าตัวตาย และน้องเองก็ไม่ได้มีอาการจิตตก หรือไม่เคยใช้ยาระงับประสาทอะไร ที่แม่ติดใจคือเชือกที่คอน้อง ตอนเอาน้องลงมา คอน้องเอียง แม่สันนิษฐานเองอาจจะมีคนโยนเชือกขึ้นไป แล้วกระตุกร่างน้องให้ห้อยลงมา หรือเปล่า แล้วปมเชือกมันอยู่ที่ใต้คางของน้อง อยากวอนตำรวจให้ช่วยทำให้กระจ่าง แม่ก็จะได้สบายใจ ส่วนประเด็นที่ชายปริศนาที่โทรฯเข้ามาบอกรักแม่ ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาที่ สภ.บางปู พร้อมคุณแม่ มายกมือไหว้กราบขอโทษคุณแม่น้องซี คุณแม่น้องซีบอกว่า ทำไมหนูไม่ตอบแม่ว่าคึกคะนองตั้งแต่วันนั้น หนูไม่รู้จักกับลูกแม่จริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าเพื่อนหนูเป็นคู่อริของลูกแม่นะ พอแม่โทรฯ กลับไป กลับไม่รู้จัก ผมไม่ได้โทรฯ แล้วเราไม่ได้รู้จักกัน ลูกๆ เพื่อนแม่ก็โทรฯ ไปหลายเบอร์ หนูก็บอกได้ว่าไม่รู้จัก แค่คึกคะนอง หรือมาหาทางตำรวจ ให้เขาเคลียร์ให้ก็ได้ แต่หนูบอกไม่ได้โทรฯ ไม่ได้ทำ แม่คาใจ แล้วลูกแม่มาเสียชีวิตพอดี แล้ววันนั้นแม่โทรฯ ทั้งคืนหนูก็ไม่รับ มารับวันที่ 14 ตอนที่เจอศพลูกแม่แล้ว ที่เขามาขอโทษก็เชื่อแค่ครึ่งหนึ่ง แม่ก็เข้าใจแต่ก็ต้องรอตำรวจตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ผู้การปากน้ำ เผยว่า ต้องขอโทษการสื่อสารของตำรวจในบางทีอาจจะทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณแม่และทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ทำให้ไม่สบายใจ เนื่องจากบางประเด็น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวน อาจจะไม่ได้ตอบ เบื้องต้นทราบว่าได้รับแจ้งมีเหตุมีการผูกคอตาย คนที่โทรศัพท์มาหาคุณแม่ เราก็ได้ตัวมาแล้ว แล้วเบอร์ ทุกอย่างในเรื่องของการตรวจพิสูจน์ รายละเอียดของศพ มันจะบอกหมด หากมีการจัดฉากนำน้องไปผูกคอตายจริง หลักฐานก็จะต้องปรากฏ ประเด็นที่สงสัย เราก็ไม่ได้ตัดทิ้งเลยสักประเด็น สุดท้ายต้องกระจ่างทั้งหมด ภายในกระเพาะอาหาร ภายในที่ฟกช้ำอะไร ตรงไหน ผลจากการผ่าพิสูจน์มันจะบอกหมด แล้วส่วนร่องรอยในที่เกิดเหตุต่างๆ ทางนิติวิทยาศาสตร์เขาก็จะบอกหมด ถ้ามีคนเรากระทำความผิด จัดฉาก เอาไปผูกคอตายจริง มันก็จะต้องปรากฏ ในส่วนประเด็นเรื่องของผูกคอตาย มันก็ต้องมีประเด็น ส่วนในเรื่องของน้อยใจแฟน ซึ่งเคยมีการทะเลาะกันเป็นประจำอยู่แล้ว มีการบอกเลิกบอกอะไรพวกนี้กันหลายครั้ง ก็อาจจะมีน้ำหนัก แต่จะมากน้อยก็ต้องดูอีกครั้ง