เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เตรียมประกาศ Kick off โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ สปสช. ได้มีการเตรียมการในส่วนของหน่วยบริการนวัตกรรมเพื่อรองรับการเข้ารับบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และจัดเตรียมระบบสายด่วน สปสช.ช่องทางพิเศษ 1330  กด 6 ให้บริการสอบถามข้อมูล บริการนัดหมายและจองคิว บริการรับรองสิทธิการเข้ารับบริการ การประสานโรงพยาบาล ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยบริการนวัตกรรมกรณีที่ผู้ป่วยต้องการเข้ารับบริการที่หน่วยนวัตกรรม นอกจากนี้มีการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยบริการกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งข้อมูลคิวการรักษา ข้อมูลเตียงว่างของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมนโยบายฯ ในพื้นที่ การจัดระบบและประสานการจัดหาพาหนะรับส่งผู้ป่วยและผู้ทุพพลภาพในพื้นที่ ทั้งการรับส่งระหว่างหน่วยบริการ หรือระหว่างที่พำนักกับหน่วยบริการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

นอกจากนี้ยังมีการจัดทีมสายด่วน สปสช. 1330 เชิงรุกประจำที่โรงพยาบาลตติยภูมิใน กทม. ช่วยสนับสนุนการคัดกรองผู้ป่วย อำนวยความสะดวก และประสานส่งต่อผู้ป่วย กรณีเกิดปัญหาจากการวอล์กอินเข้าไปรับบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาได้ทุกที่ ประสานและจัดหาหน่วยบริการรัฐ เอกชน สถานบริการอื่นตามมาตรา 7 เพิ่มเติม เพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปรับบริการตามความจำเป็น

นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับในส่วนของหน่วยบริการนั้น ทาง สปสช. ได้เปิดสายด่วนเฉพาะ 1330 กด 5 เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับหน่วยบริการ เช่น สอบถามข้อมูล ตรวจสอบและรับรองสิทธิการเบิกจ่าย เชื่อมโยงบริการ ขอรหัสการเบิกจ่าย (Claim code) ตรวจสอบการจ่ายเงิน ฯลฯ

ขอย้ำว่า ในการเข้ารับบริการตามนโยบายนี้ เป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วย นอกจากจะเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำของตนแล้ว ยังสามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการนวัตกรรมฯ ได้ ได้แก่ ร้านยา คลินิกหมอ-หมอฟัน, กายภาพบำบัด, แพทย์แผนไทย, ตรวจแล็บ, คลินิกพยาบาล ฯลฯ ที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช. กรณีเกินศักยภาพรักษาผู้ป่วยสามารถเข้ารักษาที่หน่วยบริการประจำเพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหรือร้านยาและคลินิกเอกชนที่มีระบบส่งต่อผู้ป่วยแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถส่งต่อผู้ป่วยด้วยระบบนี้ได้ ส่วนโรงพยาบาลรัฐสังกัดต่างๆ ที่อยู่ใน กทม. ที่เป็นรพ.ระดับทุติยภูมิและตติยภูมิจะรับเฉพาะผู้ที่ได้รับการส่งตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากติดขัดการเข้ารับบริการในขั้นตอนใด สามารถโทรฯ สายด่วน สปสช. 1330 เพื่อแก้ปัญหาได้.