ยืนหนึ่งมา 10 สมัย ครองใจพี่น้องประชาชนชาว จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 มาอย่างเหนียวแน่น “ฉลาด ขามช่วง” อดีตทนายความชาวบ้าน สู่นักการเมืองระดับแถวหน้า ถึงแม้เวลาส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่การทำหน้าที่ผู้แทนในสภา แต่หน้าที่ประจำคือ “อยู่ติดพื้นที่ไม่หนีปัญหา” โดยเฉพาะที่จะต้องทำและผลักดันยังมีอีกหลายสิ่ง หลายส่วน ที่จะต้องเติมเต็ม เพื่อความสุขของพี่น้องประชาชน และความเจริญเดินหน้าของสังคมในทุกมิติ

“ทุกวันนี้ ยังให้คำปรึกษาแก่พี่น้องประชาชน ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านคดีความ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือเป็นคดีฟ้องร้องกัน  สามารถบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างทนายความ ไม่ต้องเสียเวลาไปศาล ที่สำคัญ ยังลดความขัดแย้งคลางแคลงใจกันได้เป็นอย่างดี  แค่ต่อสายโทรศัพท์เข้ามาหารือ หาทางร่วมกัน ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ และประสานใจคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้รับความพึงพอใจกลับไป แบบว่าขามา มารถคนละคัน ขากลับ กลับรถคันเดียวกัน” ส.ส.ฉลาด กล่าวถึงงานในโปรไฟล์เดิม

สส.ฉลาด กล่าวอีกว่า พื้นที่ร้อยเอ็ด เขต 2 ประกอบด้วย อ.จังหาร อ.โพธิ์ชัย อ.เชียงขวัญ อ.โพนทอง (บางส่วน) และ อ.ธวัชบุรี (บางส่วน) ขณะนี้ โดยการสนับสนุนงบประมาณของกรมทางหลวง กำลังดำเนินการขยายช่องทางจราจรหลายสายและติดตั้งไฟจราจร ไฟส่องสว่างหลายจุด เพื่ออำนวยความสะดวก ลดการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนน สำหรับพื้นที่ที่แม่น้ำชีไหลผ่าน เขต อ.จังหาร และ อ.เชียงขวัญ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งเป็นประจำทุกปีนั้น กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างประตูปิด-เปิดน้ำ และรอรับงบประมาณสนับสนุนจากกรมโยธาธิการ ในส่วนของการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง และประสานกับกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของการจำหน่ายผลผลิตภาคการเกษตรที่สำคัญ คือข้าวหอมมะลิ อ้อย มันสำปะหลัง รวมทั้งประสานกับกระทรวงเกษตร ในด้านการลดทุน เพิ่มผลผลิตภาคการเกษตร ในภาวะต้นทุนการผลิตสูง และราคารับซื้อผลผลิตที่ตกต่ำ รายได้ไม่คุ้มทุน

“การแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม ถือเป็นวาระสำคัญ เป็นปัญหาที่จะต้องรีบเร่งแก้ไขให้เป็นรูปธรรม เพราะเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปีในฤดูน้ำหลาก ทั้งนี้ ได้ผลักดันโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชีให้สูงขึ้นหลายจุด งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการกระจายน้ำเพื่อการเกษตร ก็ได้ประสานกับทางกรมชลประทาน ทำการออกแบบและประเมินมูลค่าการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว งบประมาณกว่า 700 ล้านบาท ในส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมือง ก็ได้ประสานกรมชลประทานดำเนินการสร้างประตูปิด-เปิดน้ำ 4 จุด มูลค่าการก่อสร้างจุดละ 90 ล้านบาท ปัจจุบันการก่อสร้างแล้วบางส่วน ทั้งนี้ หากรวมทุกโครงการที่ยื่นญัตติต่อสภา ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท”  สส.ฉลาดกล่าว

สส.ฉลาด อธิบายต่อว่า สำหรับภาคการเกษตร หัวใจสำคัญคือลดทุน เพิ่มผลผลิต ขายได้กำไร  พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา โดยปลูกข้าวหอมมะลิ เป็นหลักรองลงมามีข้าวเหนียว อ้อย มันสำปะหลัง ที่ผ่านมาประสบปัญหาน้ำท่วม ผลผลิตเสียหาย ได้ผลผลิตไม่คุ้มทุน วิธีการแก้ไขที่มองไว้คือ กำลังเจรจากับทางกระทรวงเกษตร ในการคัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวอายุสั้น คุณภาพดี สามารถย่นระยะเวลาเพาะปลูกได้ปีละ 3 ครั้ง รวมทั้งผลักดันโครงการ “น้ำมันเขียว” ช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนในส่วนของค่าน้ำมัน โดยนำหลักการที่กรมประมง เคยนำไปใช้กับชาวประมง ที่จะช่วยลดทุนการประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดี

“ขณะที่กระบวนการผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร ก็ต้องมาควบคุมต้นทุนการผลิต ดูราคารับซื้อผลผลิต เช่น ปุ๋ยราคาถูก คุณภาพดี ให้ผลผลิตสูง เพื่อพี่น้องเกษตรกรลงทุนน้อย ทำงานน้อย แต่ได้ผลตอบแทนมาก ในส่วนพี่น้องเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธกส.ที่มีมูลค่าหนี้สูงกว่า 3 แสนบาท ที่ยังไม่อยู่ในเงื่อนไขได้รับสิทธิ์พักชำระหนี้ ก็มีแนวทางที่จะให้ความช่วยเหลือให้เข้าถึงสิทธิ์นั้น เช่นเดียวกันลูกหนี้รายย่อยของ ธกส.ที่มีมูลค่าหนี้ไม่เกิน 3 แสนบาท ผมกับเพื่อน ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะพยามยามผลักดันให้สำเร็จ เพื่อความเสมอภาคของพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ” สส.ฉลาด กล่าวย้ำ

สส.ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวปิดท้ายว่า ตนได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาว จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 มา 10 สมัย ช่วงชีวิตที่ผ่านมาทำหน้าที่เพื่อสังคม โดยยึดพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางมาตลอด แต่บางอย่างยังติดขัดที่กรอบบทบาท หน้าที่ เพราะอำนาจเต็มในการบริหารจัดการขึ้นอยู่กับสภาฯและรัฐมนตรีประจำกระทรวง อย่างไรก็ตาม นักการเมืองทุกคน มีความต้องการที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ สำหรับตน ที่เดินทางมาถึงจุดนี้ ยังมีไฟที่จะทำงานอย่างเต็มตัว เต็มหัวใจ ยังอยากที่จะทำอะไรๆมีอีกหลายอย่าง หลายโครงการ ที่จะต้องทำและทำให้สำเร็จ เพื่อความสุขทุกมิติของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากได้รับโอกาสที่ดีจากผู้หลักผู้ใหญ่ ในการทำหน้าหน้าที่ที่สูงขึ้น ตนก็อยากทำหน้าที่ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะจะได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกรได้อย่างเต็มที่ ตนเชื่อในศักยภาพของตนเองว่าทำได้ ซึ่งตอนนี้ก็พร้อมแล้ว แต่ยังรอที่โอกาสเท่านั้นว่าจะมาถึงเมื่อไหร่