เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจมีการพูดคุยกันใหม่เรื่องโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ขอให้ฟังจากนายภูมิธรรมเป็นหลัก เพราะเรื่องของฝ่ายบริหาร ตอนนี้ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งคาดว่าน.ส.แพทองธาร คงจะต้องแจ้งมาอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร 

เมื่อถามว่าสำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะขณะนี้ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีก่อน และให้น.ส. แพทองธารเข้ารับตำแหน่งนายกฯอย่างสมบูรณ์ แล้วค่อยกลับมาพูดถึงฝ่ายบริหาร

เมื่อถามอีกว่ามีหลายคนมองว่าการที่ น.ส.แพทองธาร มาจากตระกูลชินวัตร แล้วในอนาคตอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจะมีวิธีการ อย่างไรหากมีเหตุเกิดขึ้นจริง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนมองว่าอย่าให้เกิดขึ้นดีกว่า ซึ่งส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายก ฯ ทำให้หลายฝ่าย และจากที่ตนได้พูดคุยมาไม่ใช่เพียงฝ่ายการเมืองเท่านั้น แม้กระทั่งฝ่ายข้าราชการประจำก็รู้สึกว่าต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะเมื่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาค่อนข้างที่จะกว้าง 

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อตีความคุณสมบัติและมีคำว่าจริยธรรมเข้ามา จึงมองว่าการที่จะจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ขึ้นมาในตอนนี้ หลายฝ่ายจะต้องวิเคราะห์ให้ดี และอาจจะต้องมีการส่งตีความรายบุคคลเพื่อป้องกัน และอาจจะต้องส่งให้กฤษฎีกาช่วยตรวจสอบและมีการออกเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะจากกรณีของนายเศรษฐา ที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ให้เป็นรมต.ประจำสำนักนายก ฯ เป็นเพียงการสอบถามไปโดยไม่มีลายลักษณ์อักษร มีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น 

เมื่อถามย้ำว่าหากต้องมีการตีความคุณสมบัติเป็นรายบุคคล ก็จะทำให้การจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่มีความล่าช้าเกิดขึ้นนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า หากการจัดตั้งล่าช้าแต่ชัวร์ ก็จะไม่เกิดปัญหาดีกว่ารีบตั้งแล้วมีปัญหาตามหลัง เพราะเมื่อมีปัญหาแล้วการบริหารประเทศก็จะชะงัก อย่างเช่นกรณีเมื่อวาน (16 ส.ค.2567) ภายหลังจากมีการเลือก นายก ฯ แล้วเสร็จ ทางฝ่ายสภา ฯ ก็มีการแก้ไขเอกสารหลายรอบ ซึ่งฝ่ายราชการเองก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะเป็นผู้เสนอชื่อเนื่องจากมีบทเรียนในครั้งที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าผู้เสนอชื่อจะเป็นประธานสภา ฯ แต่ในส่วนของข้าราชการ ก็กลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาก็จะได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ดังนั้น ทุกคนจึงต้องระมัดระวังและมองว่าช้าแต่ชัวร์จะดีกว่าเพราะไม่ว่าอย่างไรขณะนี้ประเทศไทยก็มีรัฐบาลรักษาการอยู่ 

เมื่อถามว่า น.ส. แพทองธาร ได้มีการพูดคุยกับ สส. อย่างไร ภายหลังจากได้รับการโหวตในสภา ฯ ให้เป็นนายก ฯ คนที่ 31 ว่า น.ส.แพทองธาร ได้ขอบคุณ สส. ที่โหวตเลือกตนให้เป็นนายก ฯ ซึ่งโดยส่วนตัวของ น.ส.แพทองธาร เป็นคนทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว และมั่นใจว่ามีทีมที่ดี  ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค คนรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นน้องในพรรค น.ส.แพทองธาร ก็มองว่าทุกคนคือทีมเดียวกัน ซึ่งก็ต้องมองไปข้างหน้าว่า การบริหารประเทศจะเป็นอย่างไร ซึ่งต้องพูดตามตรงว่าคนภายนอกที่มองเข้ามา กับคนที่ปฏิบัติอยู่หน้างานจริง ก็มีมุมที่มองต่างกัน ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการพรรค ขอให้ประชาชนให้โอกาส น.ส.แพทองธาร ในการทำหน้าที่นายก ฯ