“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ลดช่วงบวกลงบางส่วน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้น

เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ จากกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 25 basis points ในการประชุม FOMC เดือนก.ย. หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกก็เพิ่มแรงหนุนให้เงินบาทแข็งค่าด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามประเด็นทางการเมืองในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ทยอยฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งทำให้ตลาดลดทอนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 25 basis points ในการประชุม FOMC เดือนก.ย.นี้

ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 35.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ส.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 429.8 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 27,923 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 26,823 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,100 ล้านบาท)

สัปดาห์ถัดไป (19-23 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.85-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของไทย ผลการประชุมกนง. ประเด็นทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยจากประธานเฟดจากงานสัมมนาประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองและยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ เช่นกัน