เมื่อไม่นานมานี้มีการเผยแพร่ผลการศึกษาที่สร้างความประหลาดใจให้คนในวงการในวารสาร World Journal of Men’s Health โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา
กรณีศึกษาดังกล่าวมีผู้ชาย 55,000 คนเข้าร่วมโดยสมัครใจในการวัดขนาดอวัยวะเพศ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบที่น่าประหลาดใจ โดยผลลัพธ์ที่ได้เกี่ยวกับขนาดอวัยวะเพศทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 24%ในช่วงเวลาเพียง 29 ปี แต่ผลลัพธ์ที่ได้นี้กลับทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์เป็นกังวล
ย้อนกลับไปในปี 2535 ขนาดอวัยวะเพศชายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.19 ซม. แต่ในปี 2564 ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 15.34 ซม.
ผลจากกรณีศึกษาในปี 2565 ซึ่งนำทีมโดยไมเคิล ไอเซนเบิร์กนี้ อาจไม่ใช่ข่าวดี เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวและต้องเผชิญกับสารต่าง ๆ ที่รบกวนฮอร์โมนในร่างกาย มีส่วนทำให้ขนาดอวัยวะเพศชายเพิ่มขึ้น
ในบทสัมภาษณ์บนบล็อกของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ไอเซนเบิร์กกล่าวว่า “อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อระบบฮอร์โมนของเรา เช่น การสัมผัสสารเคมี ซึ่งได้แก่ยาฆ่าแมลงหรือผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย สารเคมีต่าง ๆ ที่รบกวนต่อมไร้ท่อเหล่านี้ มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมและอาหารของเรา”
ไอเซนเบิร์กอธิบายว่า เมื่อโครงสร้างร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลง สารเคมีเหล่านี้ก็ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมของฮอร์โมนด้วย นอกจากนี้ยังมีการตั้งสมมุติฐานว่า การสัมผัสสารเคมีต่าง ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กชายและเด็กหญิงยุคนี้เข้าสู่ภาวะเจริญพันธ์ุเร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการของอวัยวะเพศ
อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่าเรื่องนี้จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เนื่องจากพวกเขาจะต้องพิจารณากลุ่มประชากรวัยอื่นๆ ด้วย เช่น กลุ่มเด็ก เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกันหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการรายงานจากสำนักข่าว Super Deporte ในสเปน กรณีที่นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับคุณภาพของสเปิร์มในผู้ชาย ซึ่งพวกเขาระบุว่ามีคุณภาพลดลงถึง 60% ซึ่งเป็นผลมาจากข้อบกพร่องของอวัยวะเพศและการที่มีผู้ป่วยโรคเนื้องอกเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนสเปิร์มและระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเริ่มลดลงจากการทดสอบ
ผลลัพธ์ที่น่ากังวลเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์เห็นสมควรที่จะสืบสวนหาสาเหตุที่ชัดเจนเบื้องหลังที่ทำให้ขนาดองคชาตยาวขึ้นต่อไป
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES