เมื่อเดือน ธ.ค. 2547 ประมาณ 4 วันก่อนถึงวันคริสต์มาส แอนโทนิโอ ริอาโนมีเรื่องทะเลาะถกเถียงกับเบนจามิน เบคคารา ชายหนุ่มวัย 25 ปีที่บาร์แห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอ พวกเขาทะเลาะกันไม่หยุดแม้ว่าจะออกนอกร้านไปแล้ว 

ต่อมา ทางการพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าริอาโนชักปืนออกมายิงใส่หน้าคู่วิวาทของเขาจนเสียชีวิต จากนั้น ริอาโนก็หลบหนีไป และสามารถหลบหลีกหูตาเจ้าหน้าที่ทางการไปได้สำเร็จทั้งที่มีการตามล่าตัวเขาทั่วประเทศ

ริอาโนแอบแวะไปหาน้องสาวของเขา ก่อนหน้าที่จะหายตัวไปอย่างยาวนานถึง 2 ทศวรรษ ชื่อของเขายังคงอยู่ในรายชื่ออาชญากรที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดในสหรัฐ แต่ทางการก็ยุติการตามหาตัวริอาโนหลังจากสืบหาร่องรอยของเขาไปได้ไม่กี่ปี จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีเจ้าหน้าที่สืบสวนคนหนึ่งที่เกิดสะดุดตาภาพของริอาโนที่ปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

ตอนที่ริอาโนก่อคดีฆาตกรรมเมื่อ 20 ปีก่อนนั้น โลกยังไม่มีเฟซบุ๊ก แต่เมื่อพอล นิวตัน เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานอัยการเขตบัตเลอร์เคาน์ตี รัฐโอไฮโอ ซึ่งเคยรับผิดชอบคดีของริอาโนในปี 2547 ทดลองค้นหาชื่อของริอาโนในเครือข่ายเฟซบุ๊ก เขาก็ถึงกับช็อกที่ได้เห็นภาพถ่ายของคนร้ายที่เขาพยายามตามจับตัวมานานแสนนาน แม้ว่าคนในรูปจะมีอายุมากขึ้นและผมกลายเป็นสีเทาไปแล้ว และที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ ปัจจุบัน ริอาโนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐวาฮากา ประเทศเม็กซิโก

ทีมสืบสวนของทางการสหรัฐจึงติดต่อไปยังทางการเม็กซิโกและได้รับคำยืนยันกลับมาว่า ริอาโนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของเม็กซิโกจริง ๆ โดยประจำการอยู่ที่เมืองซาโปทิตลัน ปัลมาส หลังจากนั้น ทางการเม็กซิโกก็จับกุมริอาโนและดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยมอบตัวริอาโนให้อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สหรัฐ 

ริอาโนถูกส่งตัวต่อไปยังรัฐโอไฮโอเพื่อรับข้อกล่าวหาในคดีฆาตกรรม ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต

ถึงแม้ว่าจะมีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่มีภาพของริอาโนยิงปืนใส่เบนจามิน เบคคาราที่ด้านนอกบาร์ในเมืองแฮมิลตัน รัฐโอไฮโอเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่เขาก็ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา ไม่ยอมรับผิด ขณะที่ทีมอัยการชี้ว่าไม่จำเป็นต้องอาศัยคำสารภาพของริอาโนก็สามารถเอาผิดเขาได้

เมื่อมีคนถามริอาโนว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจไปสมัครและทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในเม็กซิโก ทั้งที่ตัวเองเคยก่อคดียิงคนตาย ริอาโนซึ่งปัจจุบันมีอายุได้ 72 ปีแล้ว ตอบคำถามนี้ว่า เป็นเพราะเขา “อยากจะช่วยเหลือประชาชนชาวเม็กซิโก”

ที่มา : odditycentral.com

เครดิตภาพ : X / @DavidWinterTV