สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ (สมาคมคราฟท์เบียร์) จัดงานเสวนาในหัวข้อ “32 Civilized, No More Total Ban: ยกเครื่องกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สู่สังคมที่ดีกว่า” เพื่อบอกเล่าความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ …) พ.ศ. ….. ซึ่งขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยเฉพาะในประเด็นมาตรา 32 ซึ่งเกี่ยวกับการควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ ร้าน Sociefee x Chouxstory ใกล้สถานี MRT หัวลำโพง โดยมีผู้ร่วมเสวนาซึ่งเป็นกรรมาธิการฯ จากฝั่งประชาชนและผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลุ่มต่างๆ ในคณะกรรมาธิการฯ และมีผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายอื่นๆ สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วม

น.ส.เขมิกา รัตนกุล นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย และคณะกรรมาธิการฯ การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะต้องทำอย่างรอบคอบ โดยประเด็นที่คณะกรรมาธิการฯ เห็นชอบร่วมกันในหลักการ คือ 1. การยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ซึ่งใช้มานานกว่า 51 ปี โดยกำหนดเวลาห้ามขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, 2. การเพิ่มโทษแก่ผู้ขายที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์และผู้ที่เมาจนครองสติไม่ได้, 3. การปลดล็อกสถานที่ห้ามดื่มและขายบางสถานที่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว, และที่สำคัญที่สุด คือ 4. การเปลี่ยนผ่านมาตรการการควบคุมการโฆษณาจากลักษณะ near total ban (ห้ามเกือบเด็ดขาด) เป็นการผ่อนคลายมากขึ้นในลักษณะ partial ban (ห้ามเป็นบางส่วน) โดยการให้ข้อเท็จจริงของผลิตภัณฑ์สามารถกระทำได้ แต่จะปลดล็อกมากน้อยเพียงใดยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา

น.ส.เขมิกา กล่าวเพิ่มว่า ตนและเครือข่ายของผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเด็นความรับผิดชอบต่อสังคม และการปกป้องและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยง่าย อย่างไรก็ดี มาตรการที่เข้มข้นจนเกินจำเป็นของรัฐในปัจจุบันแก้ไม่ตรงจุด สัดส่วนการดื่มของกลุ่มเด็กและเยาวชนไม่ได้ลดลง ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งศึกษาอย่างรอบคอบจากข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็น หนึ่ง แก้ไขมาตรา 32 ให้ผู้ประกอบการโฆษณาได้ โดยให้ข้อเท็จจริงมิใช่อวดอ้างสรรพคุณ โดยต้องกำหนดขอบเขตเนื้อหาที่สามารถโฆษณาได้ และต้องไม่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี, สอง เพิ่มบทลงโทษผู้ประกอบการที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และผู้ที่มึนเมาจนขาดสติ ซึ่งปัจจุบันมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ในขณะที่การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท, และสาม เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ซื้ออายุต่ำกว่า 20 ปี โดยการมีส่วนร่วมของชุมขน

ด้าน น.ส.ประภาวี เหมทัศน์ เลขาธิการสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ (สมาคมคราฟท์เบียร์) และโฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า มาตรา 32 ของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับปัจจุบันบัญญัติไว้กว้างๆ โดยไม่ได้กำหนดรายละเอียดข้อห้ามการโฆษณาว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ไว้อย่างชัดเจน ประชาชนและผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการตีความอย่างกว้างขวางว่าการกระทำใดเป็นความผิดหรือไม่ กำหนดโทษอาญา โทษจำคุก และโทษปรับที่สูงไม่ได้สัดส่วนกับลักษณะการกระทำผิด นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายนี้ลิดรอนสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภค สร้างอุปสรรคในการทำธุรกิจสุจริตและอาชีพของผู้ประกอบการรายเล็กและผู้ผลิตในชุมชน ส่งเสริมการผูกขาดโดยผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ทั้งที่ผู้ประกอบการรายย่อย สุราชุมชน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก รวมถึงเป้าหมายการเติบโตรายได้จากภาษีสรรพสามิตสุรา และการท่องเที่ยวเชิงสุราชุมชน

ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย นักวิชาการด้านเทคโนโลยีอาหารและเครื่องดื่ม ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. … และรองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ของรัฐสร้างอุปสรรคในการทำมาหากินหรือสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพ และไม่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ตั้งแต่มีกฎหมายนี้ การให้ข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความสุ่มเสี่ยงจะถูกดำเนินคดี แม้แต่การโพสต์ภาพหรือพูดถึงโดยไม่ได้ชักจูงหรือโฆษณาเพื่อประโยชน์ทางการค้าก็ยังถูกจับ ปรับ ในอัตราโทษที่สูงได้ ใครไม่ยอมจ่ายค่าปรับก็อาจต้องไปสู้คดีความในศาล การบังคับใช้กฎหมายแบบสุดโต่ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาและลงมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. …. รวม 5 ฉบับ ซึ่งเสนอโดย นายเจริญ เจริญชัย กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 10,942 คน, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร กับคณะ, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กับคณะ, นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 92,978 คน, และคณะรัฐมนตรี และได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ โดยการประชุมคณะกรรมาธิการเริ่มต้นครั้งแรกในวันพุธที่ 3 เมษายน 2567 จนถึงปัจจุบัน มีการประชุมมาแล้ว 30 ครั้ง.