จากกรณีนายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี และ น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี พ่อและแม่ของนายต้น (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.หญิง ปภัทสนี สุดจิตจูล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่รับน้องโหด ทำร้ายร่างกายลูกชาย หลังจากลูกชายไปขอลาออกจากการเข้าระบบการรับน้อง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.ชลประทาน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่โรงพยาบาลชลประทานปากเกร็ด พ่อและแม่ของนายต้น พร้อมด้วยญาติๆ ต่างมารอเฝ้าดูอาการของน้องต้นอย่างใกล้ชิด โดยพบว่าทางคุณหมอ ได้ย้ายน้องต้น จากห้องผู้ป่วยวิกฤติมาอยู่ห้องผู้ป่วยรวมโดยน้องต้น มีอาการดีขึ้นเล็กน้อยสามารถตอบคำถามและพูดคุยกับผู้เป็นพ่อและแม่ได้ ส่วนอาการทางแพทย์อยู่ระหว่างรอตรวจเช็กสมองอย่างละเอียด เบื้องต้นไม่พบว่ามีเลือดคั่งในสมอง แต่ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ เนื่องจากยังไม่สามารถลงจากเตียง หรือเข้าห้องน้ำเองได้ ต้องใส่แพมเพิสให้น้องต้นไว้ตลอดเวลา
พ่อน้องต้น กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้พาลูกมาหาหมอที่โรงพยาบาลมีอาการปวดศีรษะเพราะถูกกระทืบที่หัวหลายครั้ง ส่วนบาดแผลของตนถูกรุมกระทืบที่หน้า กกหู แขน นิ้วมือและนิ้วเท้า ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจมากเพราะที่ไปสถาบันไม่เคยคิดจะไปมีเรื่องกับเด็ก เพราะตั้งใจจะย้ายสถาบันให้ลูกเพราะลูกอยากเรียนมากๆ จากที่ตนสอบถามลูกเรื่องการรับระบบลูกบอกว่าทางรุ่นพี่มีการรวมเงินกันไว้ เพื่อเป็นการประกันตัวของคนที่ไปก่อเหตุ และเอาไว้จ้างทนายเหมือนเป็นเงินสโมสรเก็บไว้เพื่อใช้จ่ายให้กับเด็กพวกนี้
ส่วนสาเหตุที่ลูกตนโดนมาหนักเพราะว่ารุ่นพี่บอกว่าน้องเอาสถาบันไปขาย แต่น้องไม่ได้ทำ ตอนนี้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนคิดว่าเด็กกลุ่มนี้ ไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาเยอะพอสมควรแต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูด ซึ่งฟังจากหลายคน มีคนโดนเยอะแต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครองเพราะโดนข่มขู่จากรุ่นพี่ ตอนนี้ห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะทางกลุ่มผู้ก่อเหตุรู้จักบ้านของตนและถ่ายทะเบียนรถไว้หมด จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้จริงจัง ถ้าตนคิดว่าจะไปมีเรื่องกับเด็กกลุ่มนี้ตนจะไม่เอาภรรยาและลูกไปด้วย ตนคงยกพวกไปด้วยถ้าจะมีเรื่อง และงงว่าทางสถาบันทำอะไรไม่ได้เลยที่ตนและลูกถูกกระทืบต่อหน้าอาจารย์ และส่วนเสื้อที่ตนใส่เป็นของนายกโก๊ะท่าทราย ที่ตนใส่ไปเพราะว่าจะเป็นเกราะคุ้มกัน อาจจะคนรู้จักนายกโก๊ะ แต่มันก็ไม่สนใจ แต่ตนก็ไม่ได้จะใส่ไปเพื่อเบ่งหรือไปข่ม และตนก็ใส่อยู่ตลอดเวลาในนนทบุรีพื้นที่จะรู้จักนายกโก๊ะกันหมด เค้าเป็นคนดี แต่เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับนายกโก๊ะ ตนใส่ไปเพราะหวังว่าอาจจะรู้จักแล้วจะคุยกันได้ และตนไม่เคยไปอ้างถึงนายกโก๊ะท่าทรายเพื่อไปโชว์และไปข่มขู่ใคร ถ้าตนจะไปกร่าง ตนยกพวกไปทั้งหมด เสื้อตัวนี้ก็เหมือนยันต์เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
ด้านแม่น้องต้น กล่าวว่า ตอนน้องเรียนน้องยังไม่ได้มีการพูดคุยกับตน แต่เมื่อน้องไม่ไหว มาบอกกับตนว่ารับระบบไม่ได้แล้ว น้องมาบอกทีละอย่าง ซึ่งน้องได้เข้าไปที่โรงเรียนตามปกติ เพื่อเข้าไปหารุ่นพี่และจะขอเบอร์รุ่นพี่ให้ตน เพื่อให้ตนมาคุยให้น้องออกจากระบบ เพราะน้องกลัวว่าถ้าน้องเป็นคนไปบอกรุ่นพี่เองกลัวจะโดนทำร้าย หลังจากนั้นน้องได้กลับมาบ้าน น้องมาเล่าให้ฟังว่าโดนทำร้ายอะไรมาบ้าน ทางรุ่นพี่บอกว่าน้องขายสถาบันตัวเอง จึงทำการจับน้องทรมานโดยใช้มือดึงขนคิ้วทีละเส้นเพื่อให้น้องพูด แต่น้องบอกว่าไม่ได้เอาสถาบันไปขายตามที่บอก และโดนรุมต่อยทีละคน เอาบัตรประชาชน กับพาวเวอร์แบงก์ไป และรุ่นพี่ได้พูดขู่ว่าไม่ต้องให้แม่โทรฯ มา และให้แม่เตรียมรับศพที่หน้าโรงเรียน
เพื่อนรุ่นพี่เถื่อนรุมยำ2พ่อลูกสาหัส เปิดคลิปเสียงโต้ลั่นทนไม่ไหว2พ่อลูกปากแจ๋ว…
แม่น้องต้น กล่าวว่า ตนจึงได้โทรฯ ไปหารุ่นพี่ เขาบอกว่าเขาไม่ได้บังคับน้องให้เข้าระบบ และบอกว่าถ้าน้องอยากออกให้ออกได้เลยแล้วให้ต่างคนต่างอยู่ แต่จะไม่คุ้มครองลูกตนถ้าโดนเด็กคนอื่นกระทืบ เขาบอกว่าเขาอยากให้น้องเรียน แต่สิ่งที่ตนโดนกระทำวันนี้คือเขาโกหกทั้งหมด ซึ่งระบบนี้เป็นของรุ่นพี่ที่จัดตั้งกันเอง มาบังคับน้องถ้าออกจากระบบก็อยู่สถาบันนี้ไม่ได้ และขู่ว่าจะกระทืบเอาให้ตายเพราะรู้ที่อยู่บ้านตน ซึ่งเหตุการณ์วันนี้ตนและสามีและลูกเข้าไปที่สถาบัน เพราะว่าจะไปคุยกับทางอาจารย์ว่าขอให้น้องย้ายสถาบันไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่ไปแจ้งอาจารย์แล้ว มีกลุ่มผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาหาตนและลูก และตะโกนบอกว่า มึงท้ากูเหรอ และก็เข้ามาทำน้องเลย แต่ตนกั้นไม่ได้เพราะเขาเข้ามารุมมากกว่า 10 คน น้องล้มลงไปกับพื้นแล้ว ตนก็พยายามจะเอาตัวเข้าไปกั้นแต่ก็โดนดึงออกอยู่ตลอด
แม่น้องต้น กล่าวว่า ตนจึงกราบเท้าพวกกลุ่มก่อเหตุและขอให้เขาหยุด เขาจึงหยุดกระทืบน้อง ซึ่งตนมองว่าทั้งหมดเกินกว่าเหตุไปมากเพราะเหตุเกิดในสถาบัน ไม่คิดว่าจะทำกันได้ หลังจากเกิดเหตุทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทำโทรศัพท์ตกไว้ ตนจึงหยิบมาด้วยและเข้าไปแจ้งความ ซึ่งขณะที่เข้าแจ้งความได้มีกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาที่โรงพักเพื่อมาติดต่อเอาโทรศัพท์คืน และยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นคนที่กระทืบลูกตน แต่ตำรวจก็ให้เขากลับบ้านไป ไม่ยอมจับและบอกตนว่าต้องรอหลักฐานกล้องวงจรปิดด้วย ไม่สามารถอายัดตัวคนก่อเหตุได้ ตนจึงมองว่าไม่สมควร เพราะมีหลักฐานขนาดนี้และยอมรับว่ากระทืบแต่ก็ถูกปล่อยตัว ซึ่งตนสงสารลูกเพราะตอนรับระบบลูกตนโดนมาตลอด น้องบอกว่าต้องไปรับระบบที่เซฟเฮาส์ รับระบบเหมือนทหาร เผาขนรักแร้ เผาขนอวัยวะเพศ และเอาสีพ่นตัว และปั๊มเฟืองที่หน้าอก และสั่งวิดพื้น ให้ลูกตนไปแต่เช้าเข้าไปนั่งอยู่ในป่าให้ยุงกัด และทุกวันศุกร์จะต้องไปตลอด และบังคับน้องให้บอกกับตนว่าเตะบอลกับเพื่อนอยู่แต่ความจริงคือรับระบบอยู่ ตอนนี้ตนจะเอาเรื่องคดีให้ถึงที่สุดเพราะเขาก่อเหตุในสถาบันและไม่เกรงกลัวว่าใครเป็นใคร ซึ่งพ่อกับแม่ก็อยู่กับน้องด้วย ซึ่งอาการน้องตอนนี้ต้องรอสแกนสมอง เย็บปาก 4 เข็ม และนอนโรงพยาบาล ส่วนทางด้านสถาบันบอกว่าจะนำกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ที่โรงพัก และแจ้งความเอาเรื่องเพิ่มกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ