ในช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซัคคารี ฮาราคัส คุณพ่อลูกสามจากย่านวอลโด เมืองแคสซัสซิตี รัฐมิสซูรี ได้รับประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต หลังจากที่เขาออกไปทำสวนที่บริเวณหลังบ้านแล้วโดนแมงมุมตัวเล็ก ๆ กัดเข้าที่ขา
หลังจากนั้นไม่กี่วัน จากบาดแผลแมลงกัดที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร กลับทำให้ขาของเขาบวมเป่ง ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวคล้ำ มีลักษณะเหมือนเนื้อที่กำลังเน่า
เมื่อเขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าเขามีภาวะเนื้อตายเฉพาะส่วน จำเป็นต้องตัดเนื้อและกล้ามเนื้อบางส่วนทิ้งไป เพื่อไม่ให้การติดเชื้อลุกลาม จึงจะสามารถรักษาขาของเขาเอาไว้ได้
ขณะนี้บาดแผลบนขาของฮาราคัสกำลังดีขึ้น และอีกไม่นานเขาก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่รักษาเขาชี้ว่า ถ้าหากเขามาโรงพยาบาลช้าไปอีกแค่วันเดียว เขาก็อาจจะเสียชีวิตได้จากการติดเชื้อ
ผลจากการตรวจหาเชื้อจากบาดแผลของฮาราคัสระบุว่า เขาติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรง โดยเชื้อแบคทีเรียนี้มีอยู่ในแมงมุม
อาการป่วยในระยะเริ่มแรกได้แก่ อาการเจ็บหรือปวด ผิวหนังมีสีแดง มีอาการคล้ายเป็นไข้ รู้สึกหนาวสั่น อ่อนเพลีย
ถ้าหากไม่รีบรักษา ผิวหนังบริเวณที่ได้รับเชื้อจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำและลุกลามออกไปเรื่อย ๆ เพราะมีภาวะเนื้อเน่าตาย ซึ่งอาจทำให้ต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งไป นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียที่ร้ายกาจนี้จะไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานเกินขนาด นำไปสู่ภาวะอวัยวะภายในล้มเหลวและหยุดการทำงาน
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐระบุว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียกินคนนี้มีอัตราเสียชีวิตที่สูงถึง 18%
ฮาราคัสโดนแมงมุมกัดระหว่างนั่งอยู่ในซุ้มที่สวนนอกบ้านเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2567 หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็มีไข้ บาดแผลที่โดนแมงมุมกัดมีอาการบวมและเจ็บ
ชายหนุ่มเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 8 ก.ค. 2567 และต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติถึง 3 วัน ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด จากนั้นก็ต้องรักษาบาดแผลต่อไปในโรงพยาบาล และมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกหลายเดือน รวมทั้งต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมเพื่อรักษาขาข้างที่มีเนื้อเน่าตาย
นายแพทย์แอนดรูว์ เบเนดิคต์ ศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลเซนต์ลุค เมืองแคนซัสซิตี ซึ่งเป็นผู้รักษาฮาราคัสชี้ว่า คนไข้ของเขาน่าจะโดนแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (Brown recluse spider) กัดมา
แมงมุมชนิดนี้เป็นแมงมุมมีพิษ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ก่ออันตรายร้ายแรง เพราะมันจะปล่อยพิษในปริมาณไม่มากนักเวลากัดแต่ละครั้ง พิษของมันจะทำลายหลอดเลือดให้เสียหายและทำให้เซลล์ผิวหนังตาย พบได้ตามพื้นที่แห้ง ปราศจากความชื้น เช่น กองหิน กองไม้หรือตามถ้ำต่าง ๆ
ที่มา : dailymail.co.uk เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, gofundme.com, kshb.com
