เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติไทย, พล.ร.อ.อธินาถ ปะจายะกฤตย์ เลขาธิการฝ่ายประสานงานองค์กรระหว่างประเทศ, มร.กาเนส ซันดรา รามมูธีร์ ผู้แทนโอซีเอ ประจำประเทศไทย และคณะผู้บริหาร ร่วมประชุมกับผู้แทน 14 สมาคมกีฬา ที่ถูกตัดออกจากการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย. นี้

พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมรณ์ กล่าวว่า ตนเองตกใจมากการที่ตัดกีฬาว่ายน้ำ-กรีฑา ออกจากศึกอินดอร์เกมส์ คนตัดถือว่าไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องของกีฬาจริง เพราะทั้ง 2 กีฬา คือกีฬาบังคับ ที่มหกรรมไหนต้องจัดขึ้น คนรุ่นนี้ทำลายกีฬาของชาติทั้งหมด ทำลายนักกีฬาไม่ใช่เพียงแค่ไทยเท่านั้น แต่ทำลายนักกีฬาทั้ง 45 ชาติของเอเชีย มันเกิดอะไรขึ้น เวลาผ่านไป 3 ปีกว่าแล้ว นักกีฬาทุ่มแรงกายใจฝึกซ้อมแต่มาตัดกีฬามันใช่ทางออกแล้วหรือไม่? อยากถามจริงๆ ว่าเงิน 179 ล้านบาท เราหาไม่ได้จริงๆ หรือ? สิทธิประโยชน์ทำไมไม่หากันปล่อยเวลาแบบไร้เปล่าประโยชน์แบนนี้ได้อย่างไร ประเทศไทยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่การแก้ปัญหาด้วยหารสั่งเลิกจัดกีฬาทั้ง 14 ชนิดแบบนี้ มันเหมือนคนทำงานไม่เป็น

ขณะที่ นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เผยว่า ทาง โอซีเอ ย้ำกับไทยเสมอว่าคุณยังจะจัดหรือไม่จัด ซึ่งไทยยืนยันจัดชัวร์ แต่รัฐมนตรี ไม่ทำอะไรเลย ยิ่งมาทราบว่ามีการดึงเรื่องแผนการเตรียมเสนอที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ออกจากการประชุม เพื่อไม่ต้องการให้อนุมัติเงินมาใช้ ขณะที่เงินสำหรับการจัดการแข่งขันมีอยู่ที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และเตรียมนำเงินสำรองของกองทุนฯ ที่มีกว่า 2 พันล้านบาท มาใช้ก่อน โดยไม่ต้องรองบสำรองแต่อย่างใด หลายสมาคมกีฬา ที่ได้ฟังร่วมกันในวันนี้ย้ำชัดว่า เราไม่ต้องการรัฐมนตรีกีฬา ที่ไม่รู้เรื่องของกีฬามาบริหารประเทศอีกต่อไป เพราะมันเกิดความเสียหายอย่างมากในตอนนี้

“ตอนนี้ทางผู้ร่วมประชุมทั้งหมด ไม่รออะไรจากทางรัฐบาลแล้ว อยากให้ทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ออกแอ๊คชั่นกับการเป็นเจ้าภาพมากกว่านี้ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ได้ทำจดหมายด่วนถึงโอซีเอ ที่จะมีการประชุมในวันที่ 15 ส.ค. นี้ เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ด้วยการยืนยันว่าประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “เอเชียนอินดอร์เกมส์ 2024″ วันที่ 21-30 พ.ย. 67 ตามกำหนดเวลาเดิม และชนิดกีฬาจะจัด 38 กีฬาเหมือนเดิม โดยไม่มีการตัดกีฬาออกจากแข่งขันทั้ง 14 ชนิดกีฬา ที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน และพร้อมจะให้คำตอบกับทางโอซีเอ ในวันที่ 19 ส.ค. นี้ ต่อไป เพราะประเทศไทยจะเสียเกียรติภูมิไม่ได้ทางการกีฬา” บิ๊กแนต ย้ำ

ขณะที่ “มาดามมล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ นายกสมาคมกีฬาเนตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นักกีฬาที่ถูกตัดนับ 1,000 คน ต้องได้รับการปกป้องจากผู้นำของเรา ทั้งผู้ว่าการ กกท. และรัฐมนตรีกีฬา แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครยื่นหัวออกมาว่าเรากำลังหาทางออกให้กับ 14 สมาคมกีฬาอย่างไร? เราขาดเงิน 179 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เราอายมากที่มีผู้นำเป็นเด็ก แต่ทำตัวเป็น “ผีเน่า” ส่วนผู้บริหารระดับกระทรวง “คุณคือโลงผุ” ถือว่าการบริหารงานอ่อนแอมาก เรามี “โลงผุ” กับ “ผีเน่า” บริหารวงการกีฬาของเรา ขออย่าได้วนเวียน อย่าได้มาผุดมาเกิดที่การกีฬาของเราอีกต่อไป

“อยากบอกว่า เด็กไทยที่ประสบความสำเร็จในโอลิมปิกเกมส์ มันเป็นความสุขของคนไทยทั้งประเทศ ขณะที่บ้านเมืองอยู่ในยุควิกฤติรัฐบาล ตอนนี้เราขาดความสุข เศรษฐกิจล้มเหลว การเมืองไม่เป็นท่า เน่าหนอน คนมีอำนาจลุอำนาจ เพื่อใครบางคนใช้อำนาจเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว และพรรคการเมืองของตนเอง วันนี้ประเทศไทยยอมแลกเงิน​ 179 ล้าน กับการตัด 14 ชนิดกีฬา ที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขของการตัด หากบอกว่า OCA ให้ตัดกีฬาที่อยู่ในกลุ่มของ กีฬาโอลิมปิกเกมส์, กีฬาที่อยู่ในกลุ่มเอเชียนเกมส์ อยากถามว่า “เทควันโด” ทำไมอยู่ต่อ ไม่โดนตัด แล้วกีฬาเนตบอล, กรีฑา, ว่ายน้ำ ถึงอยู่ต่อไม่ได้ และบิลเลียด สนุกเกอร์ เข้าอยู่ในเอเชียนอินดอร์เกมส์ มาถึง 12 ปี ตัดเข้าออกทำไม กีฬาที่อยู่ในข้อบังคับถูกตัดออกไป เอาสมองส่วนไหนมาคิด” มาดามมล ฉะแหลก

นางนฤมล ศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผู้ว่าการ กกท. ขอยืนยันว่าคุณไม่มีสิทธิเป็นผู้นำ คุณหมดความชอบธรรม คุณไม่กล้ายืนบนกฎเกณฑ์หลักการ คุณไม่ปกป้องนักกีฬา หากจับคุณเข้าเครื่องสแกนหัวใจคงมองไม่เห็น สแกนสมองก็มองไม่เห็นแล้ว แต่สแกนสันหลังน่าได้เห็นเลือนราง นักกีฬาทั้งหมด 14 สมาคมกีฬา ที่ถูกตัดออกคงต้องชอกช้ำกับการบริหารงานของผู้นำกีฬา ที่ไร้ซึ่งทิศทางของตัวเองและไม่สามารถจะหวังและพึ่งพาต่อไปได้.