สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่า “มาร์ส” ผู้ผลิตขนมอย่างเอ็ม แอนด์ เอ็มส์ และสนีกเกอร์ส จะเข้าซื้อกิจการบริษัทขนมขบเคี้ยว “เคลลาโนวา” ผู้ผลิตมันฝรั่ง “พริงเกิลส์” ตามข้อตกลงมูลค่า 35,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท)
“การเข้าซื้อเคลลาโนวา จะช่วยให้เรามีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจขนมขบเคี้ยวของมาร์ส ให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายพอล ไวเราช์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของมาร์ส ระบุในแถลงการณ์ การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่ผู้บริโภครู้สึกกดดันจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และแรงกดดันของบริษัทต่าง ๆ ในการควบคุมราคาสินค้า
อย่างไรก็ดี นายสตีฟ คาฮิลเลน ซีอีโอของเคลลาโนวา ย้ำว่า ทั้งสองบริษัทได้ติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งกำกับดูแลด้านการควบรวมกิจการแล้ว และคาดว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ “เรามีโรงงานช็อกโกแลต ซึ่งมันไม่สามารถผลิตพริงเกิลส์ได้”
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการด้วยเงินสดในราคา 83.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น (ราว 2,928 บาท) ได้เร่งความทะเยอทะยานในการเพิ่มการผลิตมาร์สเป็น 2 เท่า เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก และการนำพริงเกิลส์และชีส-อิท เข้ามาร่วมธุรกิจจะทำให้แบรนด์มีมูลค่าเพิ่มอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,022 ล้านบาท) หลังก่อนหน้านี้มีมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 525,337 ล้านบาท) “ขนมขบเคี้ยวเป็นหมวดหมู่สินค้าขนาดใหญ่, น่าดึงดูด และยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่ผู้บริโภค” มาร์สกล่าวเสริม
ในปี 2566 เคลลาโนวามียอดขายสุทธิอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 454,850 ล้านบาท), วางจำหน่ายสินค้าอยู่ใน 180 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 23,000 คน “การเข้าซื้อกิจการเปิดโอกาส ให้มาร์สสามารถแข่งขันกับแบรนด์ดังในหมวดหมู่ขนมขบเคี้ยวรสเค็ม ที่กำลังเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายจอห์น โอ นักวิเคราะห์จากบริษัท เติร์ด บริจด์ กล่าว
นายนีล ซอนเดอร์สจากโกบอล เดต้า เสริมว่า มาร์สไม่มีสถานะในหมวดหมู่ขนมขบเคี้ยวรสเค็ม ซึ่งเติบโตเร็วกว่าในกลุ่มขนมหวาน แม้จะสถานะที่แข็งแกร่ง “ด้วยส่วนแบ่งตลาดขนมหวานทั่วโลกถึงร้อยละ 13.3 มาร์สต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการทำกำไรเพิ่มในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” โดยธุรกิจจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยง
ดีลครั้งใหญ่ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้น ภายในครึ่งปีแรกของปี 2568 จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของเคลลาโนวา และจะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้วย พร้อมวางแผนจัดหาเงินทุนสำหรับการซื้อกิจการทั้งหมดโดยใช้เงินสดในมือและหนี้ใหม่
นอกจากขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว มาร์สยังมีส่วนร่วมในการดูแลสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ในปี 2565 บริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการ “ตรู ฟรู” ผลิตภัณฑ์อาหารว่างที่ทำจากผลไม้ทั้งผล และก่อนหน้านั้น 2 ปี บริษัทประกาศซื้อกิจการบริษัท “ไคนด์ นอร์ธ อเมริกา” ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาหารว่างเพื่อสุขภาพ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES