จากกรณี “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ขณะที่เทศบาลใช้คำสั่งปกครอง ทุบ 2 อาคารนำร่อง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4/รอง ผอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่า ล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ได้รับข้อมูลว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างว่าสามารถติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 เพื่อยุติการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างและอาคารโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยแลกกับการเรียกรับเงินและผลประโยชน์อื่นๆ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนและผู้ประกอบการอย่าได้หลงเชื่อ
ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยการตรวจสอบการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นการทำงานประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในรูปแบบของคณะทำงานฯ ดังนั้น การแอบอ้างของกลุ่มบุคคลดังกล่าว จึงไม่เป็นความจริง และมุ่งเน้นให้เกิดความเสียหายและลดทอนความน่าเชื่อถือต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รอง ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวด้วยว่า การดำเนินการตรวจสอบของคณะทำงาน ภายใต้ สมุยโมเดล จะยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การแก้ปัญหาการก่อสร้างอาคารในพื้นที่ลาดชันสูง และการประกอบธุรกิจวิลล่าให้เช่าของชาวต่างชาติ เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นรูปธรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดิมกลับมาอีก กอ.รมน.ภาค 4 จึงมีแผนเสนอจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาการลงทุนของนักลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและบริการใน อ.เกาะสมุย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการได้ข้อมูล และการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทำงานตรวจสอบของคณะทำงาน “สมุยโมเดล” พบว่า การกระทำที่ผิดกฎหมายของนักลงทุนชาวต่างชาติ ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจในกฎหมายของประเทศไทย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่จงใจกระทำผิดกฎหมาย โดยได้รับคำแนะนำจากผู้ที่ต้องการเอาประโยชน์จากนักลงทุนชาวต่างชาติ ดังนั้น เมื่อเรามีศูนย์ให้คำปรึกษาที่เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและเอกชนร่วมกัน ก็จะส่งผลดีต่อการลงทุนของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพราะเขาได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง โดยในสัปดาห์หน้า กอ.รมน.ภาค 4 จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ เทศบาลนครเกาะสมุย พาณิชย์จังหวัด โยธาธิการจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ซึ่งเหล่านี้เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้อนุญาตประกอบธุรกิจและการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเรามั่นใจว่า หากมีการดำเนินการที่ถูกต้อง ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก็จะเป็นการส่งเสริมให้การท่องเที่ยวของเกาะสมุย เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นำมาซึ่งรายได้ของประเทศ รวมถึงสามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ หากมีบุคคลแอบอ้างดังกล่าว ถือเป็นการกระทำผิด จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กอ.รมน.ภาค 4 จึงขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการ อย่าได้หลงเชื่อคำกล่าวอ้าง หากพบเห็นการกระทำดังกล่าว ขอให้รีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแจ้ง 1374 สายด่วนความมั่นคง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป