สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่าเด็กผู้หญิงหลายล้านคนในอัฟกานิสถาน ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันกลับมากุมอำนาจเมื่อ 3 ปีก่อน ส่งผลให้ทั้งประเทศมีเด็กในระบบการศึกษาน้อยกว่า 1.1 ล้านคน

ยูเนสโกให้ข้อมูลว่า ผลกระทบจากการที่เด็กจำนวนมากต้องหลุดจากระบบการศึกษา อาจทวีความรุนแรงของปัญหาแรงงานเด็กและการแต่งงานในวัยเยาว์ “ในเวลาเพียง 3 ปี ตาลีบันได้ทำลายความก้าวหน้าของระบบการศึกษา และทำให้อนาคตของเด็กรุ่นใหม่ตกอยู่ในอันตราย” ปัจจุบัน มีเด็กผู้หญิงเกือบ 2.5 ล้านคนที่ไม่ได้รับสิทธิในการศึกษา หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของเด็กหญิงวัยเรียนทั้งหมดในประเทศ

รัฐบาลตาลีบันออกข้อจำกัดต่าง ๆ สำหรับเพศหญิง ซึ่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้คำนิยามว่าเป็น “การแบ่งแยกทางเพศ” โดยถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่อนุญาตให้เด็กหญิงและผู้หญิง เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย “ผลจากการสั่งห้ามของรัฐบาล เด็กผู้หญิงอย่างน้อย 1.4 ล้านคนถูกปฏิเสธการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตั้งแต่ปี 2564”

จำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 300,000 รายจากการสำรวจของยูเอ็น เมื่อเดือน เม.ย. 2566 ขณะที่นางออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกันต่อไป เพื่อให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเปิดทำการอีกครั้งโดยไม่มีเงื่อนไขสำหรับเด็กหญิงและสตรีชาวอัฟกัน

ในปี 2565 จำนวนนักเรียนชายและหญิงในระดับประถมศึกษามีจำนวนเพียง 5.7 ล้านคน เมื่อเทียบกับ 6.8 ล้านคนในปี 2562 โดยยูเนสโกโทษการลดลงของจำนวนนักเรียนว่า เป็นผลมาจากการตัดสินใจของทางการในการห้ามครูผู้หญิงสอนเด็กชาย ซึ่งส่งผลให้ผู้ปกครองขาดแรงจูงใจในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน

เช่นเดียวกับจำนวนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 53 ตั้งแต่ปี 2564 “ผลที่ตามมาคือ ประเทศจะขาดแคลนบัณฑิตที่ผ่านการฝึกอบรมสำหรับงานที่ต้องใช้ทักษะสูงอย่างรวดเร็ว มีแต่จะยิ่งทำให้ปัญหาของการพัฒนาเลวร้ายลง”.

เครดิตภาพ : AFP