“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์​ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เผยว่า เรามั่นใจตั้งแต่ก่อนแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่าทีมยกน้ำหนักไทยมีเหรียญรางวัลแน่นอน ถึงกับจองโรงแรมล่วงหน้าให้เที่ยวฉลองก่อนกลับไทย พร้อมเผยที่มายาดมหงส์ไทย ที่พัฒนาจากที่ก่อนหน้านี้ใช้ เยี่ยวอูฐ หรือ แอมโมเนีย

ทีมยกน้ำหนักไทย ทำผลงานในปารีสเกมส์ คว้า 2 เหรียญเงิน จาก “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนัก รุ่น 61 กก.ชาย, “เวฟ” วีรพล วิชุมา ยกน้ำหนัก รุ่น 73 กก.ชาย และ 1 เหรียญทองแดงจาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า ยกน้ำหนัก รุ่น 49 กก.หญิง มีเพียง “ส้ม” ดวงอักษร ใจดี รุ่นมากกว่า 81 กก.หญิง ที่ลงแข่งคนสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 67 ที่ไม่ได้เหรียญ

จอมพลังไทย กลับมาถึงไทยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ส.ค. เป็นชุดสุดท้ายของนักกีฬาไทยที่กลับถึงบ้าน ช้ากว่าคณะใหญ่ 1 วัน และเมื่อวันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อินทรัตน์ นำคณะนักกีฬาทั้ง 4 คน ให้สัมภาษณ์รายการ “กรรมการข่าวคุยนอกจอ” ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา

รับชมบทสัมภาษณ์เต็มๆ (ขอขอบคุณ กรรมการข่าว)

พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า ตอนโอลิมปิก โตเกียว 2020 (แข่ง 2021) ยกน้ำหนักไทย โดนแบน ก็เสียใจตัวเองที่เลินเล่อ ประมาท ไม่ทราบว่าเจลที่ทาเข้ากระแสเลือดได้ แต่ให้กำลังใจนักกีฬา ซ้อมและสู้ต่อ ติดป้ายที่แคมป์ซ้อมว่า “เราจะยิ่งใหญ่อีกครั้งที่โอลิมปิก ปารีสเกมส์” ทุกคนเมื่อเดินมากินข้าวก็จะเห็น

ส่วนกระแสดัง การดมยาดมหงส์ไทย นั้น เสธ.ยอด กล่าวว่า เมื่อก่อนนักยกน้ำหนักไทยจะใช้ เยี่ยวอูฐ หรือ แอมโมเนีย มาครั้งนี้เปลี่ยนมาใช้ยาดม สรรพคุณคือ ทำให้ตื่น ไม่ได้เพิ่มพลัง แต่ทำให้สมองปลอดโปร่ง ตอนแข่งบรรยากาศจะงงๆ เมื่อได้ เยี่ยวอูฐ หรือยาดม จะทำให้ตื่นขึ้นมา

พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวด้วยว่า ก่อนไปมั่นใจมากว่ามีเหรียญแน่นอน เพราะได้วางแผนงานมาอย่างดี รู้สถิตินักกีฬาตัวเอง และคู่แข่ง ไป 4 คน คิดไว้แล้วว่า มี “ส้ม” ดวงอักษร ใจดี คนเดียวที่จะไม่ได้เหรียญ เพราะมีอาการบาดเจ็บก่อนหน้า แต่ถ้าสมบูรณ์ก็ติดเหรียญทองแดง โดยสมาคมฯ วางแผนจองโรงแรมในปารีสล่วงหน้าให้นักกีฬาเที่ยว เพื่อฉลองชัยหลังแข่ง

ทั้งนี้ โดยปกตินักกีฬาจะต้องนอนในหมู่บ้านนักกีฬา ที่ฝ่ายจัดเตรียมไว้ และต้องออกจากหมู่บ้านเมื่อแข่งจบ และหลังจาก ดวงอักษร แข่งคนสุดท้าย วันที่ 11 ส.ค.ที่เป็นวันพิธีปิด ก็ต้องออกจากหมู่บ้านวันที่ 12 ส.ค. ซึ่ง สมาคมยกน้ำหนัก ก็ไม่ได้ให้นักกีฬากลับไทยทันที แต่ได้จองโรงแรมเองในคืนวันที่ 12 ส.ค. เพื่อให้นักกีฬาเที่ยวพักผ่อน และเดินทางวันที่ 13 ส.ค. มาถึงไทยวันที่ 14 ส.ค.

เสธ.ยอด กล่าวด้วยว่า ในรุ่นของ “เวฟ” วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กก.ชาย จริงๆ ก็หวังทอง แต่พลาดสแนตช์ ไม่กลัว ริซกี จูเนียนสยาห์ จากอินโดนีเซีย วัย 21 ปี ที่คว้าเหรียญทอง แต่อินโดนีเซีย มีอีกคนที่น่ากลัวกว่า

นักยกเหล็กไทย ยังเผยด้วยว่า ในการยกแต่ละครั้ง จะไม่รู้มาก่อนว่าจะยกในน้ำหนักเท่าไหร่ โค้ชจะตัดสินใจ นักกีฬาบางทีไปทราบบนเวทีเลย

“เจ้าเวฟ” วีรพล จอมพลังจากสุรินทร์ กล่าวว่า น้ำหนักที่ยกนั้น ตนยอมรับว่าไม่ทราบว่า เรียกเท่าไหร่ โค้ชจะตัดสินใจ โดยดูว่ายกครั้งก่อนเบาไหม จะเพิ่มเท่าไหร่ ตนมีหน้าที่แค่ยกเท่านั้น ตอนนี้เตรียมกลับบ้านที่สุรินทร์เร็วๆ นี้ ไม่ได้กลับมา 2 ปีแล้ว เพื่อมาตามความฝัน

ขณะที่ “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย เหรียญเงินรุ่น 61 กก.ชาย ก็บอกเหมือนกันว่า เรื่องน้ำหนักเหล็กนั้น ไปรู้ตอนอยู่บนเวที โค้ชตัดสินใจ นักกีฬาทำตามหน้าที่ ส่วนตนเองนั้น เมื่อก่อนเล่นฟุตซอล ฟุตบอล อยากติดทีมชาติตั้งแต่อยู่ ป.1 เพราะมีรุ่นพี่ที่บ้านติดทีมชาติ มาหากีฬาเล่น รู้สึกว่าฟุตบอล ฟุตซอลอาจจะลำบาก เลยมาเล่นยกน้ำหนัก

“ส่วนเรื่องแฟน ก็มีคุยอยู่ ยังไม่ได้คบหา ผู้หญิงเป็นคนจังหวัดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ถาม” ฟ่าง ตอบตามสไตล์ แบบเขินๆ

ด้าน “ออย” สุรจนา คำเบ้า เหรียญทองแดง รุ่น 49 กก.หญิง กล่าวว่า เล่นกีฬามาแล้วหลายประเภท ฟุตบอล วอลเลย์บอล มากรีฑาก็วิ่งไม่ทันคนอื่น เพราะขาสั้น เลยมายกน้ำหนัก

ขณะที่ “ส้ม” ดวงอักษร ใจดี พี่ใหญ่ของทีม ยอมรับว่า การแข่งคนสุดท้ายของทีมยกน้ำหนักไทย และของทัพไทย ทำให้ตื่นเต้นมากๆ อยากปิดฉากสวยๆ ให้ทีม แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เสียใจแต่ยอมรับ แล้วเดินต่อไป