นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยและคาซัคสถาน (Agreement on Trade and Economic Cooperation between Thailand and Kazakhstan) ระหว่าง กระทรวงพาณิชย์ของไทย กับ กระทรวงการค้าและบูรณาการ ของคาซัคสถาน โดยมี นายอาร์มัน ชักคาลีเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและบูรณาการ เป็นผู้ลงนามฝ่ายคาซัคสถาน ที่ EXPO International Exhibition Center ว่า ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) ไทยและคาซัคสถานมีมูลค่าการค้ารวมเฉลี่ย 3,500 ล้านบาท โดยในปี 2566 การค้ารวมมีมูลค่า 5,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 26.28 โดยไทยส่งออกรถยนต์และอุปกรณ์ เครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศ เครื่องสำอาง เครื่องปรุงรส เป็นต้น ไทยและคาซัคสถาน ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด และหวังว่าหลังจากมีการลงนามในความตกลง ทั้งสองประเทศจะสามารถพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนให้ดีมากยิ่งขึ้นต่อไป
“มีความมั่นใจว่า หลังจากการจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจไทย-คาซัคสถาน ซึ่งผมยินดีที่กระทรวงการค้าของทั้งสองฝ่ายได้หารือจนได้ข้อสรุปแล้ว และได้ลงนามกันในการเยือนครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของทั้งสองประเทศในการหารืออย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในสาขาต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และช่วยเพิ่มพูนการค้า ขยายการลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้น”
นอกจากนี้ ตนได้หารือกับ นายอาร์มัน ชักคาลีเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและบูรณาการ ถึงความร่วมมือที่เกิดขึ้น จะช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชนในกิจกรรมส่งเสริมการค้าที่จัดโดยแต่ละฝ่าย เช่น งานแสดงสินค้า (trade fair) และการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก ซึ่งมีคาซัคสถานอยู่ในเขตอาณาความรับผิดชอบ เป็นผู้ดำเนินการ แต่เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์เห็นความสำคัญและศักยภาพในการขยายการค้ากับคาซัคสถาน และภูมิภาคเอเชียกลาง จึงมีแผนในการเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ในสาธารณรัฐคาซัคสถานในอนาคตอันใกล้นี้ และจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจสองฝ่ายต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การมาครั้งนี้มีภารกิจสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การผลักดันให้เริ่มมีการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) เพื่อลดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองภูมิภาค รวมถึงระหว่างไทยและคาซัคสถาน โดยคาซัคสถานเป็นสมาชิกที่สำคัญในกระบวนการตัดสินใจของ EAEU ที่มีประชากรรวมกว่า 180 ล้านคน จึงขอการสนับสนุนจากคาซัคสถานในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายนั้น สองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายเมื่อเดือนเมษายน 2567 จึงหวังว่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายในอนาคต
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้เสริมถึงโอกาสของไทยในตลาดคาซัคสถานว่า “คาซัคสถานเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญและให้ความสนใจกับประเทศไทยเป็นอย่างมากหลังจากฟรีวีซ่า เขาเองมีวัตถุดิบสำคัญหลายตัวสามารถส่งมาแปรรูปหรือไทยจะมาตั้งโรงงานแปรรูปที่นี่ เพื่อส่งออกไปตลาดยูเรเซีย เอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ดังนั้นการได้ร่วมทริปกับกระทรวงพาณิชย์ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของเอกชนไทยในการแสวงหาตลาดใหม่“