กำลังเป็นกระแสฮือฮาสนั่นโซเชียลอยู่ในขณะนี้ หลังล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 มีการแชร์โพสต์จากแฟนเพจเฟซบุ๊ก “Siriraj Poison Center” หรือศูนย์พิษวิทยาศิริราช ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ โดยเป็นสารเคมีที่มีสูตรทางเคมีว่า NaOH และแนะวิธีใช้โซดาไฟให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายจากก๊าซไข่เน่า

คุณสมบัติ
1. เป็นของแข็งสีขาว
2. ละลายน้ำได้ดี
3. มีฤทธิ์เป็นด่างแก่ กัดกร่อนมาก
4. เกิดการไหม้ได้หากสัมผัสโดยตรง

ก๊าซพิษที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมไฮดรอกไซด์
1. ก๊าซคลอรีน เมื่อโซเดียมไฮดรอกไซด์ทำปฏิกิริยากับสารประกอบที่มีคลอรีนบางชนิด
2. ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ คือ หากโซเดียมไฮดรอกไซด์ทำปฏิกิริยากับสารประกอบที่มีกำมะถัน
3. ก๊าซแอมโมเนีย เมื่อโซเดียมไฮดรอกไซด์ทำปฏิกิริยากับเกลือแอมโมเนียม
4. ก๊าซไฮโดรเจน แม้ไม่เป็นพิษ แต่ติดไฟได้ง่ายมากและอาจเป็นอันตรายในความเข้มข้นบางระดับ เกิดขึ้นเมื่อโซเดียมไฮดรอกไซด์ทำปฏิกิริยากับโลหะบางชนิด
5. ก๊าซฟอสฟีน สามารถเกิดขึ้นได้หากโซเดียมไฮดรอกไซด์ทำปฏิกิริยากับสารประกอบที่มีฟอสฟอรัส

การใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์เป็นน้ำยาขจัดท่อตันอย่างปลอดภัย
1. การระบายอากาศ ต้องให้แน่ใจว่ามีการไหลเวียนของอากาศที่ดี โดยเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมระบายอากาศ เพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซพิษ
2. ออกจากห้องน้ำนั้นทันทีเมื่อใส่โซเดียมไฮดรอกไซด์แล้ว และหลีกเลี่ยงการเข้าบริเวณห้องน้ำนั้นอย่างน้อย 30-60 นาที
3. หลีกเลี่ยงการผสมสารเคมี ห้ามใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์หากมีการใช้น้ำยาฟอกขาว แอมโมเนีย หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีกำมะถัน ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อหลีกเลี่ยงการผลิตก๊าซอันตราย เช่น คลอรีนหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์
4. สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล: ใช้ถุงมือ แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แผลไหม้จากสารเคมีและการระคายเคือง
5. การใช้งานอย่างระมัดระวัง ควรเติมโซเดียมไฮดรอกไซด์อย่างช้าๆ และในปริมาณน้อยเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระเด็นและปฏิกิริยาที่อันตราย
6. ใช้น้ำเย็นล้างด้วยน้ำเย็น อย่าใช้น้ำร้อนเพื่อป้องกันปฏิกิริยาที่รุนแรงเกินไป
7. การตอบสนองต่อปฏิกิริยา นั่นคือ หากมีกลิ่นผิดปกติหรือฟองก๊าซปรากฏขึ้น ให้หยุดทันที ระบายอากาศในพื้นที่ และออกจากที่นั้นทันที
8. การเก็บรักษาและการกำจัด ควรเก็บโซเดียมไฮดรอกไซด์ในที่เย็นและแห้ง ห่างจากสารเคมีอื่นๆ

นอกจากนี้ อันตรายจากก๊าซไข่เน่า หรือก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S)

คุณสมบัติ
1. เป็นก๊าซไม่มีสี
2. มีกลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า

แหล่งที่พบ
1. เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการย่อยสลายของสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น หนองน้ำ ท่อระบายน้ำ และบ่อปุ๋ยคอก
2. เกิดจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรม เช่น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ การบำบัดน้ำเสีย

อันตรายของก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์
1. ในระดับความเข้มข้นต่ำ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา จมูก และลำคอ ทำให้เกิดอาการไอ น้ำตาไหล และหายใจลำบาก
2. การสัมผัสในระดับต่ำถึงปานกลาง: อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และปัญหาการหายใจ
3. การสัมผัสในระดับสูง: อาจทำให้สูญเสียการรับรู้กลิ่นและเกิดอาการรุนแรง เช่น การระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ
4. การสัมผัสในระดับสูงมาก: อาจทำให้หมดสติ และระบบหายใจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว

การรับรู้ถึงอันตราย
คือ ความสามารถของก๊าซนี้ในการทำให้ประสาทรับกลิ่นชินกับกลิ่นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าหลังจากสัมผัสครั้งแรก บุคคลอาจไม่สามารถตรวจจับกลิ่นไข่เน่าได้อีก แม้ก๊าซยังคงอยู่ในระดับอันตราย

สัญญาณเตือนที่ควรระวัง
1. กลิ่นที่ผิดปกติ คือ กลิ่นไข่เน่าในสถานที่อุตสาหกรรมหรือพื้นที่ปิดควรได้รับการระวังเสมอ
2. อาการทางร่างกาย คือ หากคุณหรือผู้อื่นมีอาการระคายเคืองที่ตาหรือทางเดินหายใจอย่างกะทันหัน เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ในบริเวณที่อาจมีไฮโดรเจนซัลไฟด์ ให้ออกจากบริเวณนั้นทันทีและหาที่อากาศบริสุทธิ์

วิธีป้องกันการเป็นพิษ
1. ระบายอากาศ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่เสี่ยงมีการระบายอากาศที่ดี
2. สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เมื่อทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม
3. ตรวจจับก๊าซ โดยติดตั้งเครื่องตรวจจับก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในพื้นที่เสี่ยง
4. ขั้นตอนฉุกเฉิน ต้องมีแผนการอพยพและการฝึกซ้อมฉุกเฉินเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
การรู้จักอันตรายและดำเนินการป้องกันอย่างเหมาะสม สามารถช่วยปกป้องคุณและผู้อื่นจากอันตรายของก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ได้

ขอบคุณข้อมูล : Siriraj Poison Control Center ศูนย์พิษวิทยาศิริราช