สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และแคนดิเดตของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันที่ 5 พ.ย. นี้ กล่าวบนเวทีปราศรัยที่เมืองแอชวิลล์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มรัฐสวิงสเตต ว่าหากพรรคเดโมแครตยังคงบริหารประเทศต่อไป สหรัฐจะเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งที่สอง
ทรัมป์กล่าวถึงแนวคิดทางเศรษฐกิจของนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีและคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต “สุดโต่งเกินไป” และมีแต่จะยิ่งเพิ่มอัตราเงินเฟ้อในประเทศ เป็นการทำลายโครงสร้างเศรษฐกิจของชนชั้นกลางในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี อดีตผู้นำสหรัฐยอมรับว่า สถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศมีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น และยืนยันว่า จะผลักดันให้มีการลดอัตราภาษีและอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนค่าครองชีพ รวมถึงราคาเชื้อเพลิงลงอีก
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงสำคัญของทั้งสองพรรค อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุดของภาครัฐ ซึ่งเปิดเผยเมื่อวันพุธ ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 2.9% เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติต่ำที่สุดนับตังแต่เดือนมี.ค. 2564 เพิ่มเสียงเรียกร้องให้ธนาคารกลาง ( เฟด ) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
อนึ่ง แกนนำหลายคนของพรรครีพับลิกันต้องการให้ทรัมป์หาเสียง เน้นไปที่การวิจารณ์นโยบายของแฮร์ริส มากกว่าการพุ่งเป้าไปที่บุคลิกภาพ หรือเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย แต่ในการปราศรัยครั้งนี้ ทรัมป์ยังคงเรียกรองผู้นำหญิงของสหรัฐว่า “ไม่มีศักยภาพ” และ “หัวเราะเหมือนคนไร้สติ”
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกัน ระหว่างวันที่ 9-12 ส.ค. ที่ผ่านมา จัดทำโดยฟ็อกซ์ นิวส์ ให้ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำเหนือแฮร์ริส 50% ต่อ 49%.
เครดิตภาพ : AFP