เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงจุดยืนของพรรคประชาชนจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ขอแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ พรรคประชาชนยืนยันว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ควรมีจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต แต่จริยธรรมต่างคนต่างตีความไม่เหมือนกัน ดังนั้นตราบใดที่การกระทำเป็นการทุจริตอย่างโจ่งแจ้งตามที่มีบทลงโทษทางกฎหมายครอบคลุมไว้ชัดเจนอยู่แล้ว จะเห็นว่าเรื่องจริยธรรมนั้นควรเป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ที่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน พรรคประชาชนจึงไม่เห็นด้วยที่รัฐธรรมนูญ 2560 ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ผูกขาดการตีความเรื่องมาตรฐานจริยธรรมตามดุลพินิจของตนเองจนเสี่ยงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน อย่างกรณีของนายเศรษฐา ในวันนี้ 

“พรรคประชาชน มีความเชื่อว่าเหตุการณ์ในวันนี้ จะทำให้สังคมทุกฝ่าย และพรรคการเมืองทุกพรรค เห็นชัดขึ้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และความจำเป็นในการทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ รวมถึงการกำหนดให้มาตรฐานทางจริยธรรมเป็นเรื่องของความรับผิดชอบทางการเมือง ในส่วนของ สส.พรรคประชาชน ทุกคนจะเดินหน้าทำงานต่อในฐานะ สส. เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีความกังวลในเรื่องของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่คดียุบก้าวไกล จนมาถึงคดีดังกล่าวของนายเศรษฐา นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ ถึงจะเป็นคนละกรณีกัน ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามมากขึ้น ถึงการทบทวนอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ  หากยังมีอยู่จะทำอย่างไรให้อำนาจมีความเหมาะสม ให้อยู่ในขอบเขตหรือจะทำอย่างไรให้มีกระบวนการได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระ ที่มีความยึดโยงกับประชาชน รวมถึงออกแบบกฎกติกาและการตรวจสอบถ่วงดุลองค์กรอิสระด้วยเช่นกัน ซึ่งในเชิงรูปธรรมการจะมีบทสนทนาในการทบทวนเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระนั้น ต้องทำผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้สังคมเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากขึ้น และทางพรรคประชาชนหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะถูกร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ของประชาชน

เมื่อถามว่าทางพรรคมีการพูดคุยในการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไปหรือไม่ เนื่องจากทางพรรคประชาชนไม่มีแคนดิเดตนายกฯ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในขั้นตอนถัดไปเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะมีการเสนอบุคคลใดมาดำรงตำแหน่งนายกฯ และในส่วนของพรรคประชาชนเราทำหน้าที่เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จากการยุบพรรคก้าวไกล ในเชิงนิตินัยทางพรรคประชาชนไม่มีแคนดิเดตนายกฯ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมือง และในส่วนของพรรคประชาชน ก็จะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุล รวมถึงผลักดันวาระที่เราคิดว่ามีความสำคัญกับประชาชน

เมื่อถามว่า  มีการพูดคุยเรื่องงูเห่าที่อาจจะถูกซื้อตัวในการโหวตนายกฯ ครั้งถัดไปหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่า สส. ของพรรคประชาชน ทั้ง 143 คน จะเดินหน้าทำงานต่อเป็นเอกภาพ ที่สอดรับกับอุดมการณ์และจุดยืนของพรรคประชาชนที่สืบเนื่องมาจากพรรคก้าวไกล และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นอดีต สส. จากพรรคก้าวไกลที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง มาสมัครสมาชิกพรรคประชาชน อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเอกภาพด้วยเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครมีอาการลังเลนั้น ก็น่าจะเป็นหลักฐานที่ประจักษ์แล้วว่า สส. ของพรรคประชาชนจะร่วมกันเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ 

เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีการยุบสภา เนื่องจากนายกฯ รักษาการมีอำนาจในการยุบสภา และพรรคประชาชนจะไม่สามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ เนื่องจากสังกัดพรรคไม่ถึง 30 วัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการวิเคราะห์ทุกฉากทัศน์ ซึ่งในคำถามเป็นแค่ 1 ในฉากทัศน์ และไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้น 

ส่วนนายกฯ คนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น  นายพริษฐ์ ระบุว่า ต้องเป็นบทสนทนาที่พรรคร่วมรัฐบาลคุยกัน แต่ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครก็ตาม ทางพรรคประชาชนก็ทำหน้าที่ต่อไปในพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาลต่อไป.