เมื่อเวลา 11.50  น. วันที่ 14 ส.ค. ที่บริเวณสะพานเพลินจิต ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  เดินทางตรวจเยี่ยมตลาดใต้สะพานเพลินจิต  ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รอต้อนรับ 

โดยเมื่อนายกฯ เดินทางถึงได้รับฟังบรรยายสรุป และดูแผนการดำเนินงานตลาดใต้สะพานเพลินจิต  โดยผู้ว่าการ กทพ. ได้อธิบาย พื้นที่ต่างๆ ที่นำมาเปิดให้ประชาชนเช่าพื้นที่ขายของ รวมทั้งพื้นที่สวนสาธารณะและลานกีฬา  ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวเสริมว่า ขอให้เก็บค่าเช่าแผงในราคาถูก  และเห็นด้วยกับการยาแนวใต้สะพาน เพราะฝนตกน้ำจะไม่รั่วลงมา รวมถึงเสนอแนะอยากให้มีลานกีฬาร่วมกับพื้นที่ทำมาหากิน โดยค่าเช่าไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกพื้นที่ ให้เป็นไปตามสภาพพื้นที่และศักยภาพของผู้ซื้อ 

นอกจากนี้นายกฯ ยังได้สอบถามผู้ว่าการ กทพ.ว่ามีกี่พื้นที่ที่จะดำเนินการในลักษณะเช่นนี้  โดยผู้ว่าการ กทพ. แจ้งว่า มี 5 พื้นที่  ขณะเดียวกันนายกฯ ยังได้สอบถามช่วงเวลาการเปิดตลาด  ซึ่งผู้ว่าการ กทพ. รายงานว่า เปิด 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าถึงเวลา 14.00 น. ช่วงรอบค่ำอีกครั้ง  และตลาดนี้ปังมาก ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวชื่นชมว่า ดี ขายสินค้าราคาถูก พร้อมย้ำว่าต้องยาแนวใต้สะพานให้ดี ไม่เช่นนั้นฝนตกมาจะเปียกหมด และอาหารนอกจากรสชาติดีจะต้องสะอาดด้วย

‘นายกฯ’ เดินตลาดใต้ทางด่วนเพลินจิต ถนนเพลินจิต

ต่อมานายกฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมและดูผังการดำเนินการ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี มีความตั้งใจจริงและคิดว่าอันนี้เป็นแค่โครงการเริ่มต้น ยังมีอีก 2-3 ส่วนที่สามารถทำได้ และวันนี้ทั้งทั่ว กทม.และผู้ว่าการ กทพ. ก็ได้มาร่วมดูสถานที่ที่สามารถจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย  ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่  ไม่เช่นนั้นก็อาจทำสวนสาธารณะหรือลานกีฬา ตนเชื่อว่าจะช่วยประชาชนได้ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสันทนาการห่างไกลจากยาเสพติด การประกอบอาชีพสามารถทำได้หลายอย่างก็รู้สึกดีใจ  แต่ไม่อยากให้ผู้ว่าการ กทพ.ดูแลอย่างเดียว อาจจะมีภาคเอกชนมาร่วมด้วย เพื่อที่จะทำได้เยอะขึ้น และการที่ตนมาดูสถานที่จริง เท่ากับรัฐบาลสนับสนุน และอาจจะมีการพูดคุยกับภาคเอกชน อย่างเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นต้น  ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายผลได้เยอะ เพราะพื้นที่ใต้ทางด่วนมีเยอะเหลือเกิน สามารถปรับให้ทำการค้าขายได้ โดยเก็บค่าเช่าให้เป็นธรรม ให้เขาสามารถอยู่ได้

จากนั้นนายกฯ ได้เดินสำรวจตลาดและทักทายประชาชนที่มารับประทานอาหารกลางวันที่ตลาด ซึ่งได้สอบถามประชาชนที่รอซื้ออาหารว่า “อาหารอร่อยหรือไม่  และมาบ่อยไหม” ท่ามกลางความสนใจจากพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน ที่มาขอถ่ายรูปอย่างคึกคัก 

อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ เพราะเป็นแหล่งประกอบอาชีพ และเป็นสินค้าที่มีราคาเหมาะสมทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่ได้มาจับจ่ายใช้สอย 

เมื่อถามว่าจะมีการขยายไปในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มี ได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แล้วรวมถึง รมว.คมนาคม ให้ช่วยดูขยายไปในพื้นที่อื่น ที่ไหนเหมาะแก่การค้าขาย ก็ให้ทำ แต่ถ้าไม่เหมาะสม  ก็ให้ทำเป็นสวนสาธารณะ สนามกีฬา โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย 

เมื่อถามต่อว่าผู้ว่าการ กทพ. รายงานว่าไม่เน้นผลกำไร นายกฯ กล่าวว่า อยู่ในแนวคิดอยู่แล้ว ขยายไปเรื่อยๆ  แต่ก็ต้องให้เขาอยู่ได้ด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ นายกฯ เดินแวะร้านขายข้าวผัดกะเพราไข่ดาว โดยแม่ค้าได้เรียกนายกฯ ให้อุดหนุน  ซึ่งนายกฯ ตอบว่า “งั้นเหมาหมดเลย”  ซึ่งในจังหวะนี้นายชัชชาติ ซึ่งยืนอยู่ข้างกับนายกฯ ได้ควักเงินจำนวน 500 บาท ซื้อข้าวผัดกะเพราหมูสับไข่ดาว และข้าวผัดหมูไข่ดาวให้นายกฯ  นอกจากนี้ เมื่อนายกฯ เดินผ่านร้านขายกาแฟ ได้มอบกาแฟอเมริกาโน่เย็น ไม่หวานให้นายกฯ 1 แก้วด้วย ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล

นายกฯ รับฟังบรรยายสรุป และดูแผนการดำเนินงานตลาดใต้สะพานเพลินจิต  จากผู้ว่าการ กทพ. 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการลงพื้นที่ของนายกฯ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ได้มีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์จำนวนมาก  เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย กรณี 40 อดีต สว. ส่งคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัว กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี.