เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ศาลจังหวัดสงขลา บัลลังก์ 301 ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ภาค 9 ในคดีทีมฆ่านักธุรกิจมาเลเซีย พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้ จำเลยที่ 1, 3, 4, 6, ประหารชีวิต นายอภิชน จำเลยที่ 1, นายยุทธศักดิ์ จำเลยที่ 3, นายตัน จำเลยที่ 4, นายธนเดช จำเลยที่ 6 ส่วนจำเลยที่ 2, 5 จำคุกตลอดชีวิต นายเอกพล จำเลยที่ 2 ที่เป็นมือปืน, นายชินพัฒน์ คนขับรถเก๋งให้มือปืน จำเลยที่ 5 หลบหนี

สำหรับนายเอกพล อดีตทหาร และนายชินพัฒน์ จำเลยที่หลบหนีไประหว่างประกันตัวชั้นศาล ต่อมา นายเอกรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 8 จับกุมตัวตามหมายจับนำส่งศาลจังหวัดสงขลาไปเมื่อเดือน พ.ค. 67 ขณะหลบหนีไปอยู่ในสวนปาล์มที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนนายชินพัฒน์ ยังหลบหนีประกันจากศาล

โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสงขลา ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 ยิงถล่มนายลี อา ฮาน เสียชีวิตคารถเบนซ์ สีดำ รุ่น s300 ทะเบียน 1 ฌ 1 กรุงเทพมหานคร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งในวันนี้ศาลจังหวัดสงขลา ได้ตัดสินให้ประหารชีวิตทีมสังหารยกทีม ยกเว้นคนขับและคนยิง จำคุกตลอดชีวิต

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2558 (ช่วงกลางวัน) ที่บนถนนกาญจนวาณิชย์ แยกคลองปอม หมู่ 8 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถเบนซ์ สีดำ รุ่น s300 ทะเบียน 1 ฌ 1 กรุงเทพมหานคร ทำให้นายลี อา ฮาน อายุ 44 ปี นักธุรกิจชาวมาเลเซีย เสียชีวิตทันที และนางมยุรี อายุ 42 ปี ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บ สาเหตุทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบพบมาจากปมฆ่าล้างหนี้ซื้อขายที่ดินมูลค่านับร้อยล้านบาท ระหว่างผู้ตายกับกลุ่มผู้จ้างวาน และเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว น.ส.นงเยาว์ หนึ่งในผู้ต้องหา และอ้างว่า นายลี อา ฮาน ผู้ตายได้มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับน้องสาวของนายอภิชน อายุ 47 ปี โดยผู้ตายได้แอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ไว้เพื่อแบล็กเมล์ และได้ขอซื้อที่ดินแปลงหนึ่งในราคา 20 ล้านบาท

จากการสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา (ตำแหน่งในขณะนั้น) พร้อมด้วยสืบสวน ภ.9 และ กก.6 ป. ร่วมกันสืบสวนคลี่คลายคดี โดยสามารถแกะรอยติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ยกแก๊ง ตั้งแต่คนสั่งฆ่า ซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย เพื่อฆ่าล้างหนี้มากกว่า 120 ล้านบาทไทย คนรับงานฆ่าซึ่งเป็นพ่อตาของคนจ้าง และทีมฆ่าชาวสุราษฎร์ฯ และชุมพร ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายอภิชน (คนรับงานฆ่า), นายตัน, น.ส.นงเยาว์ (นั่งหน้ารถฟอร์ด กันเป็นพยาน), นายยุทธศักดิ์ (ขับกระบะอีซูซุ), นายธนเดช (ขับกระบะฟอร์ด), นายเอกพล (คนยิง M 16) และนายชินพัฒน์ (คนขับรถแอคคอร์ด) พร้อมตรวจยึดเงินสดที่เหลือจากการรับจ้างฆ่าจากภรรยาของผู้ร่วมก่อเหตุ ถึง 2 ราย และตรวจยึดรถเก๋งที่ใช้ยิงผู้ตาย, รถกระบะที่ใช้ติดตามผู้ตาย 2 คัน เป็นหลักฐานในคดี

โดยชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกคน แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐาน และการทำคดีมือปืน และคดีอุกฉกรรจ์ ของ พ.ต.อ.ศักดา และทีมงาน ทำให้สามารถนำสืบให้ศาลเห็นว่า กลุ่มคนร้ายที่จับกุมมา เป็นทีมฆ่าผู้ตายเพื่อล้างหนี้สินมากกว่า 120 ล้าน ตามพยานหลักฐานที่ตรวจสอบมาได้ ต่อมาระหว่างการพิจารณาผู้ต้องหา 2 คน ที่เป็นคนขับและคนยิง เห็นว่าถูกคนจ้างทอดทิ้งไม่เหลียวแลในการต่อสู้คดี จึงยอมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้รายละเอียดในคดี และหลบหนีการประกันในชั้นศาลไป