สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่า นายจอร์จีย์ ทิกฮีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครน กล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ที่เป็นการรุกข้ามพรมแดนไปยังพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซีย ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่า “เป็นความชอบธรรมอย่างแท้จริง” ของยูเครน ที่จะดำเนินการดังกล่าว


ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ยืนยันว่า รัฐบาลเคียฟ “ไม่มีความสนใจ” ที่จะ “ยึดครอง” แผ่นดินของรัสเซีย และปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดจะยุติทันที หากรัฐบาลมอสโก “เห็นชอบการฟื้นฟูสันติภาพ” พร้อมทั้งเน้นว่า ทหารยูเครนที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ “มีจำนวนมากกว่าที่รัสเซียคาดการณ์ไว้”


ด้าน พล.อ.โอเล็กซานเดอร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน กล่าวว่า ตอนนี้สามารถควบคุมดินแดนของรัสเซียได้อย่างน้อย 1,000 ตารางกิโลเมตร และยึดครองหมู่บ้านในภูมิภาคเคิร์สก์ ได้แล้วอย่างน้อย 74 แห่ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่สงครามเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565


ขณะที่หนึ่งในทหารยูเครนซึ่งร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ กล่าวว่า กองทัพรัสเซีย “ไม่ได้มีนโยบายอย่างจริงจัง” ที่จะควบคุมและรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนทางตะวันออก ส่งผลให้การยกพลข้ามพรมแดนของยูเครน “เป็นไปอย่างง่ายดาย”


ส่วนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายของศัตรู ซึ่งกำลังปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดน ตามแนวชายแดนทางตะวันตกของประเทศ คือการสร้างความบาดหมาง การทำลายความเป็นเอกภาพ และการกัดกร่อนสังคมรัสเซีย พร้อมทั้งกำชับให้ทหารและหน่วยงานความมั่นคงทุกแห่ง ร่วมกันขับไล่ศัตรูให้ออกไปจากแผ่นดินของรัสเซีย


อย่างไรก็ตาม ประชาชนในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดที่กองทัพยูเครนเปิดฉากปฏิบัติการ ต้องอพยพออกจากพื้นที่แล้วมากกว่า 200,000 คน.

เครดิตภาพ : AFP