วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA Sustainability Bond for Better Life โดยมีนางชนันภรณ์ พิศิษฐวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) Mr. Anouj Mehta Country Director ADB Thailand Resident Mission Southeast Asia Department ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) Mr. Thomas Leonard Head of Section, Sustainability Services Supply chain& product assurance DNV (Thailand) Co.,LTD นางสาวสุญาณี ภูริปัญญาวานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี และนายโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคการเงิน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) บรรยายพิเศษ หัวข้อ แนวโน้มการระดมทุนด้วย ESG Bond ณ โถงชั้น 1 อาคาร 4 สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน เป็นครั้งแรก โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำเนินการจัดหาเงินกู้ โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย อายุ 5 ปี วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.67% ต่อปี ภายใต้ Sustainable Finance Framework ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เป็นที่ปรึกษาการจัดทำและให้การรับรองการออก Sustainability Bond โดย DNV (Thailand) Co.,Ltd. เป็นผู้สอบทานภายนอกที่เป็นอิสระ (Second Party Opinion) ตามมาตรฐานด้านการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานแห่งแรกที่จัดทำ Framework สอดคล้องตามมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของอาเซียน (ASEAN Taxonomy) โดยนำเงินที่ได้มาลงทุนในโครงการที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ดังนี้

1.โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
2.โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Micro Grid) บนพื้นที่เกาะพะลวย จ.สุราษฎร์ธานี


การออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของ PEA ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor :II) ที่สนใจลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนสามารถเสนอขายได้เต็มวงเงิน และมียอดจองซื้อสูงถึง 6 เท่าของวงเงินที่เสนอขาย นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ตอกย้ำการนำองค์กรมุ่งสู่เส้นทาง Green Finance สอดรับความมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Roadmap) ในปี 2037 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065 ตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นางชนันภรณ์ พิศิษฐวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า สบน. พร้อมสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเพื่อลงทุนในโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว และ สบน. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน จะได้รับการตอบรับและสนับสนุนอย่างดีจากผู้ร่วมตลาด และสามารถพัฒนาตลาดพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยในฐานะที่เป็นฟันเฟืองหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเติบโตของ ESG bond ความสำเร็จในการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนของ PEA รุ่นแรกในวันนี้ ซึ่งจะช่วยจุดประกายให้รัฐวิสาหกิจอื่นๆ สนใจการออก ESG bond มากขึ้น

นายอานุช เมธา ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จในการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของ PEA มีความสำคัญหลายประการ คือ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่กำหนดไว้ การเพิ่มการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับรัฐวิสาหกิจอื่นในการบูรณาการหลักการ ESG เข้าไปในกลยุทธ์ทางด้านการเงินและสอดคล้องกับหลักการของ ASEAN Taxonomy

Mr. Thomas Leonard Head of Section, Sustainability Services Supply chain & Product Assurance บริษัท DNV (Thailand) กล่าวว่าในฐานะผู้สอบทานภายนอกที่เป็นอิสระ (Second Party Opinion) การออก Sustainability Bond ของ PEA ได้รับการประเมินว่าเป็นไปตามมาตรฐานการเงินเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งวัตถุประสงค์การระดมเงิน การประเมินและคัดเลือกโครงการ การบริหารจัดการเงิน และ การรายงานผล

นายโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคการเงิน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าอัตราการเติบโตของตลาดตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 43% อย่างไรก็ตาม ยังมีสัดส่วนเพียง 2.1% ของตลาดตราสารหนี้ทั้งหมด โดยในปี 2023 ตลาดตราสารหนี้ในกลุ่มอาเซียน+3 เพิ่มขึ้น 28.6% จากปี 2022 แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาด ESG bond ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้ PEA ตั้งเป้าหมายการระดมทุนและลงทุนในโครงการต่างๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน และยังคงเดินหน้าสู่บทบาทการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียวด้วยการออกพันธบัตร ESG Bond เพื่อดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศและของโลกเป็นสำคัญ เพื่อสร้างและส่งต่อโลกที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

PEA ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจร่วมประมูลพันธบัตรครั้งนี้ และมีแผนการออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง จึงขอเชิญชวนนักลงทุนเข้าร่วมประมูลพันธบัตรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยนักลงทุนสามารถติดตามแผนการออกพันธบัตรของ PEA จากแผนการกู้เงินรายไตรมาสที่กระทรวงการคลังจัดหาได้ที่เว็บไซต์ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ