วันนี้ (13 ส.ค. 67) เวลา 09.30 น. ที่ห้องรับรอง 1-3 ทำเนียบองคมนตรี พระราชอุทยานสราญรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีเชิญหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทานมอบแก่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 9,278 เล่ม โดยมี นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นายจรัลธาดา กรรณสูต นายอำพน กิตติอำพน รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ นายธงทอง จันทรางศุ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิฯ นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ กรรมการมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ร่วมพิธี

โอกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เปิดกรวยดอกไม้ถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเชิญหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทาน วางบนพานเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ารับหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอันเสร็จพิธีการประกอบพิธีในวันนี้ มีคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยเข้าร่วม ได้แก่ นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายวสันต์ สุภาภา รองอธิบดีกรมที่ดิน ร่วมในพิธี

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จัดพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทาน ในวันนี้ เพื่อเชิญไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด จำนวน 9,278 เล่ม สำหรับมอบให้กับสถานศึกษาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาต่อไป

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ที่แตกต่างกันตามหมวดสาขาวิชาแขนงต่าง ๆ ให้นักวิชาการ ผู้รู้ ช่วยกันเรียบเรียงในภาษาที่ง่าย เผยแพร่ไปสู่เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ในทุกจังหวัด ทำให้ทั้งผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ เด็ก และเยาวชน ได้มีโอกาสในการที่จะแสวงหาองค์ความรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการที่จะทำให้เด็กสามารถเติบใหญ่ และทำให้ผู้ใหญ่สามารถแนะนำลูกหลาน ให้มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำสารานุกรมในรูปแบบ E-Book ด้วย อันจะยิ่งทำให้สามารถทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ในสารานุกรมสามารถแพร่กระจายไปสู่ประชาชนทุกวัยได้โดยง่าย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้กับพวกเราชาวไทย” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า หนังสือชุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีพระราชประสงค์จะให้มีหนังสือที่จะรวบรวมความรู้แขนงต่าง ๆ สำหรับพสกนิกรได้มีโอกาสอ่านและศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการในปีพุทธศักราช 2511 โดย พลโท พระยาศัลวิธานนิเทศ รับสนองพระราชประสงค์เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยได้รับพระราชทานเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นทุนในการจัดทำและได้ดำเนินงานมาจนถึงพุทธศักราช 2562 และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เปลี่ยนสถานะเป็นมูลนิธิ โดยใช้ชื่อว่า “มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เงินและทรัพย์สินของโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เป็นทุนเริ่มแรก ในการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ที่ปรึกษา และมีนายแพทย์เกษม วัฒนชัย เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ

“สำหรับหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 44 ฉบับพระราชทานเล่มนี้ มีสาระที่น่าสนใจรวม 8 เรื่อง ได้แก่ 1. ลิเกป่า (แขกแดง) เป็นการแสดงพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวไทยมุสลิมในชนบทภาคใต้ ที่เชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาวอาหรับหรือ “แขกเจ้าเซ็น” เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย นิยมแสดงในแถบจังหวัดพัทลุง กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา สตูล 2. กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ม้งเป็นชื่อที่กลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ภาคเหนือของเมียนมา ลาว เวียดนาม และไทย เป็นกลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน ทำให้มีวัฒนธรรมประเพณี บรรทัดฐาน ภาษา และความเชื่อในแนวเดียวกัน อัตลักษณ์เหล่านี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น 3. วิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โดยนำหลักวิชาต่าง ๆ เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา และการออกกำลังกาย การแพทย์ โภชนาการ จิตวิทยา วิทยาศาสตร์การเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นต้น นำมาประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย การฝึกซ้อมกีฬา การแข่งขันกีฬา ตลอดจนการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างเป็นขั้นตอน การออกกำลังกายจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ 4. โลมาสีชมพู อาศัยในทะเลตามแนวชายฝั่ง พบบ่อยที่ชายทะเลภาคใต้ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช โลมาชนิดนี้ตอนอายุน้อยจะมีสีเทาเหมือนโลมาทั่วไป เมื่ออายุมากขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพูเกือบตลอดทั้งลำตัว โลมาสีชมพูสามารถเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทยได้เป็นอย่างดี 5. แมลงทับ เป็นแมลงประเภทด้วงตัวโต มีปีกสีเขียวมรกตเหลือบทองแดงเป็นประกายแวววาว อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่โบราณกาล แมลงทับที่พบในประเทศไทยมี 2 ชนิด มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ สี หนวด และขา คือ แมลงทับขาแดง พบมากในบริเวณป่าเต็งรังทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนแมลงทับขาเขียว พบอยู่ทั่วประเทศและพบมากในภาคกลาง 6. ทราย เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทั่วไป เป็นสสารแบบเม็ด เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากหินที่ถูกย่อยเป็นเม็ดละเอียด และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณ คือ ประเพณีการขนทรายเข้าวัดและการก่อพระเจดีย์ทรายในวันสงกรานต์ ถือเป็นการทำบุญโดยที่วัดจะนำทรายเหล่านี้มาใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมถาวรวัตถุต่าง ๆ 7. คณิตศาสตร์ในธรรมชาติ ทุกสิ่งรอบตัวเราและทุกเรื่องราวล้วนเชื่อมโยงกับคณิตศาสตร์ รวมทั้งเรื่องราวต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่น พืช ต้นไม้ สัตว์ สิ่งของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติที่อยู่บนฟ้า ในทะเล ในแม่น้ำ เป็นต้น ซึ่งสามารถวิเคราะห์และสร้างแบบจำลองใช้เป็นแนวทางการอธิบายและทำนายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติโดยนำคณิตศาสตร์เข้าไปเชื่อมโยงกับเรื่องของการชั่ง ตวง วัด ได้ด้วย และ 8. โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส พบบ่อยในเด็กเล็ก การติดต่อค่อนข้างง่ายผ่านทางการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย หรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อ การระบาดมักเกิดในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่มีอากาศเย็น และขึ้นมักเกิดในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล เราจึงควรศึกษาทำความรู้จักโรคนี้ ป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรค และดูแลไม่ให้เกิดอาการรุนแรงได้” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า พวกเราชาวมหาดไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระปณิธานอันมุ่งมั่นในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” ด้วยการ “แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยได้เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะในการดำรงชีวิตให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยคนมหาดไทยในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มุ่งมั่นและเต็มใจที่จะสนองพระราชปณิธานเพิ่มพูนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของน้อง ๆ ที่สมบูรณ์พร้อมในทุกมิติ และขอเชิญชวนให้พวกเราคนไทยทุกคนได้ร่วมสนับสนุนการศึกษาของลูกหลานที่โรงเรียนใกล้บ้าน รวมถึงการสนับสนุนช่วยเหลือในการถ่ายทอดภูมิปัญญา องค์ความรู้ ทั้งผู้เป็นข้าราชการบำนาญที่มีประสบการณ์ และปราชญ์ชาวบ้านทั้งหลาย ได้ช่วยกันเสียสละ ช่วยสนับสนุนส่งเสริมลูกหลาน เด็กและเยาวชนไทยให้ได้มีอนาคตที่ดีผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญา ประเพณี วัฒนธรรม ระเบียบวินัยให้ลูกหลานของเรา ทำทุกวันทั้ง 365 วันของทุกปีให้เป็นวันพิเศษที่เราสามารถช่วยให้อนาคตของชาติที่อยู่ในมือของลูกหลานได้มีอนาคตที่แจ่มใส ประเทศชาติก็จะได้มีความมั่นคง มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดไป