เมื่อวันที่ 12 ส.ค. เพจเฟซบุ๊ก “สนิท บัววิชัย” ได้โพสต์ว่า ประกาศด่วน : มีผู้ชายคนหนึ่งมีอาการมึนเมาสุรา อ้างว่าเป็นพ่อสามเณร เข้ามาพูดคุยแล้วลักพาดึงตัวเณรขึ้นรถกระบะแค็บ สีเงิน มีฝาท้ายสีดำ โดยไม่ได้รับอนุญาต ลักษณะรถทำงานก่อสร้าง วิ่งไปทางหนองบัวลำภู ช่วงเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ที่ผ่านมา ขอพลเมืองดีช่วยสังเกตและแจ้งตำรวจจับไว้ให้ด้วย ถ้าเห็นหรือเจอช่วยแจ้งกลับ พระครูสุจิตชัยธำรง เจ้าคณะตำบลบ้านจั่นด้วย เหตุเกิดช่วงค่ำของวันที่ 11 สิงหาคม 2567 โดยมีกล้องวงจรปิดภายในวัด บันทึกภาพขณะที่พ่อนำตัวสามเณรขึ้นรถออกจากวัดไป

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดไชยราษฎร์บำรุง บ้านศรีบุญเรือง หมู่ 11 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อไปพบกับพระครูสุจิตชัยธำรง เจ้าอาวาสวัด และสามเณรอาร์ม อายุ 9 ขวบ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากทราบว่าช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้พาตัวสามเณรอาร์มกลับมาถึงวัดได้อย่างปลอดภัย หลังจากผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อภายหลังว่านายสังคม อายุประมาณ 40-45 ปี ลักพาตัวออกไปจากวัด และเกิดอุบัติเหตุยางแตกอยู่ด่านช่างน้ำหนัก จ.หนองบัวลำภู แล้วโชคดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้

พระครูสุจิตชัยธำรง เล่าว่า ช่วงค่ำวานนี้ (11 ส.ค.) หลังกลับจากไปงานสวดอภิธรรมศพ ก็เห็นรถกระบะสภาพเก่าจอดอยู่ข้างกุฏิ สอบถามก็ทราบว่า เป็นรถของพ่อสามเณรอาร์ม คือนายสังคม โดยนายสังคม ก็เดินเข้ามาหา และบอกว่าทะเลาะกับภรรยาใหม่ ถูกภรรยายึดเงินไปหมด อยากจะมาขอยืมเงินเณร 500 บาท พอดีว่าเณรมีเงินฝากอาตมาไว้ จึงให้ไป 500 บาท เขาบอกอีกว่า อยากจะให้ลูกสึกจากเณรไปเรียนด้วยที่ จ.หนองบัวลำภู อาตมาจึงบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเขาทิ้งลูกไปตั้งแต่เด็ก และญาติทางแม่เขาที่อยู่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ก็ฝากฝังให้มาบวชเรียนที่นี่ เนื่องจากแม่เณรอาร์มต้องโทษคดียาเสพติดอยู่ จ.หนองคาย เพิ่งมาบวชตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมา

อาตมาก็เอะใจอยู่แล้วว่า เขาต้องการตัวลูกไป แต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ ตอนเวลาประมาณ 19.30 น. อาตมาเข้าไปสรงน้ำในกุฏิ และยังมีสามเณรอื่นอยู่อีกหลายรูป พอออกมา สามเณรรูปอื่นก็บอกว่าสามเณรอาร์ม ถูกพ่อดึงแขนขึ้นรถไปด้วยแล้ว อาตมาร้อนใจมาก รีบโทรฯ ไปหาน้องชายแม่สามเณรอาร์ม เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงหรืออุบัติเหตุระหว่างทาง เพราะนายสังคม มีอาการเมาสุรา อาตมาถึงกับนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมานั่งสวดมนต์อธิษฐานจิต หวังจะช่วยสามเณรให้กลับมาที่วัดโดยเร็ว

พระครูสุจิตชัยธำรง เล่าอีกว่า กระทั่งประมาณตี 3 มีรถตำรวจวิ่งเข้ามาในวัด และพาสามเณรอาร์มกลับมาส่งคืนที่วัด ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ด่านช่างน้ำหนักที่ จ.หนองบัวลำภู ช่วยเหลือไว้ที่ด่าน เนื่องจากรถกระบะที่นายสังคมพาลูกไปนั้น เกิดอุบัติเหตุยางแตกตรงจุดนั้นพอดี และเพิ่งมาทราบทีหลังว่า นายสังคมด่าทอลูกด้วยคำหยาบคาย และยังถือจอบจะเข้ามาทำร้ายด้วย เขาไม่สมควรทำแบบนั้น เป็นความรุนแรงที่รับไม่ได้ เขาจะมาเอาตัวสามเณรลูกไปแบบนี้ได้อย่างไร อาตมาเป็นคนดูแลที่นี่ สามเณรอยู่ในความปกครองของอาตมา หากเป็นอะไรขึ้นมาจะรับผิดชอบกันอย่างไร แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้

สามเณรอาร์ม เล่าว่า พ่อมาหาที่วัด 2 ครั้ง ครั้งนี้พ่อเมามา แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แล้วพ่อก็ดึงแขนให้ขึ้นรถไปด้วย ระหว่างทางพ่อได้เอาเงินที่ตนให้ไป 500 บาท ไปเติมน้ำมัน 100 บาท และแวะซื้อเหล้า 1 ขวด พ่อยกดื่มไปตามทาง ตนก็ไม่รู้ว่าพ่อจะพาไปไหน เมื่อยางรถระเบิด พ่อก็จอดรถและเดินลงมาทุบรถ ด่าตนด้วยคำหยาบคาย ด่าว่าลูกชั่ว ลูกโคตรหมา และพยายามจะทำร้ายตน ตนเห็นพ่อจะเดินไปเอาจอบอยู่หลังรถ ตนจึงรีบเดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่ 3 คน ให้มาช่วยเหลือ ตนเคยอยู่กับพ่อตอนอนุบาล 3 พอพ่อแม่เลิกกัน ตนก็ไปอยู่กับแม่กับยาย ตอนแรกดีใจที่พ่อมาหา แต่เห็นพ่อกินเหล้าก็เริ่มกลัว ยางระเบิดก็ตกใจมาก ยิ่งเห็นพ่อถือจอบ ก็รีบวิ่งไปหาคนมาช่วยทันที ต่อไปถ้าพ่อมาอีกจะไม่ไปด้วยอีกแล้ว

นายกิตติพร สิงห์ช่วย อายุ 27 ปี พนักงานด่านชั่งน้ำหนัก จ.หนองบัวลำภู เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เมื่อคืนนี้ประมาณตี 1 กว่า เข้าเวรอยู่ที่ด่าน 3 คน ตอนแรกได้ยินเสียงยางรถระเบิด ไม่นานก็เห็นรถกระบะขับสวนเลนจากฝั่งขาเข้า จ.หนองบัวลำภู ขับบดยางมา จนมาจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามด่าน ที่อยู่ฝั่งมุ่งหน้าไป จ.เลย ชายคนนั้นก็เดินข้ามถนนมาตะโกนขอความช่วยเหลือ บอกว่ามีรถช่วยไปส่งบ้านหรือไม่ เพราะยางระเบิด ตอนนั้นก็เห็นเณรเดินลงมาด้วย เขาก็จูงแขนพาเณรเข้ามาที่ด่าน ตอนนั้นสภาพชายคนนั้นเมามาก พูดจาวกไปวนมา จบด้วยการที่จะขอเงินไปปะยางด้วย ตอนนั้นสีหน้าแววตาของเณรดูกังวล เหมือนไม่อยากไปด้วย

นายกิตติพร กล่าวว่า เขาก็เริ่มโวยวายเสียงดังอีกครั้ง ด่าว่าพวกตนว่าช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แล้วก็ด่าเณรว่าจะไปบวชทำไม บวชไปก็มีแต่คนรังแก ด่าไปถึงแม่เณรต่างๆ นานา ตนก็บอกว่าจะเรียกตำรวจมาช่วยก็แล้วกัน จากนั้นเขาก็ดึงแขนเณรไปที่รถอีกครั้ง พยายามจะขับรถบดยางรถไป พวกตนจึงตัดสินใจขับรถไปส่งที่บ้านเขา ห่างไปประมาณ 2 กม. เมื่อไปถึงบ้านก็มีพี่สาวเขาออกมา เขาก็ด่ากันอีก พี่สาวจึงขอร้องให้พวกตนพาเณรกลับไปส่งวัด เพราะกลัวจะเกิดอันตรายถ้าอยู่ที่นี่ ตนจึงค่อยๆ พูดจาหลอกให้ชายคนนั้นเข้าไปจัดที่นอน แล้วพวกตนก็รีบขับออกมาทันที เมื่อกลับมาถึงด่าน ได้หาขนมและของกินให้เณร และแนะนำเณรว่าไปพักที่วัดแถวนี้ก่อนหรือไม่ เณรทำท่ากลัว บอกแต่ว่าอยากกลับบ้าน อยากกลับวัด ถามชื่อวัดตอนแรกก็สับสน ผ่านไปสักพักเณรก็เริ่มจำได้ จึงไปค้นหาวัดในอินเทอร์เน็ต จนรู้พิกัดวัด แล้วจึงตัดสินใจขับรถมาส่งเณรทันที เพราะเณรบอกว่าต้องทำวัดเช้า ต่อมาตอนเช้าน้องที่มาเข้าเวรต่อ ก็แจ้งว่าชายคนนั้นกลับมาเอารถไปซ่อมแล้ว แต่ก็ยังบอกอีกว่า เมื่อซ่อมรถเสร็จจะกลับไปเอาตัวเณรมาให้ได้ ตนจึงรีบโทรฯ แจ้งเจ้าอาวาสให้ระมัดระวัง โชคดีที่เมื่อคืนไม่มีอุบัติเหตุรุนแรง เพราะสภาพรถเก่ามาก ไฟหน้ารถมีข้างเดียว หากยางไม่ระเบิดตรงด่านก่อน ก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเณรจะเป็นอย่างไร

เบื้องต้นทางญาติและเจ้าอาวาสยังไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อรายนี้ แต่หลังจากได้รับข้อมูลว่าพ่อจะกลับเอาสามเณรอีก จะเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกซ้ำสอง เจ้าอาวาสย้ำหากนายสังคม มาทำแบบนี้อีก จะแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุด