เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลกรายงานการระบาดโรคฝีดาษลิง ที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในทวีปแอฟริกา ว่า มีรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นใน 15 ประเทศ โดยผู้ป่วยกว่า 90% อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DR Congo) และในจำนวนนี้ 70% เป็นผู้ป่วยเด็ก อัตราป่วยเสียชีวิตประมาณ 5% ทั้งนี้ ประเทศที่พบผู้ป่วยล่าสุด ได้แก่ ยูกันดา เคนยา รวันดา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ DR Congo ที่น่าเป็นห่วงและต้องจับตา คือ ผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มจากปีที่แล้วมากและจากเดิมที่ระบาดในผู้ใหญ่ ก็พบผู้ป่วยเด็กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังตรวจพบสายพันธุ์ย่อย Clade Ib ที่ติดต่อได้ง่ายขึ้น จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนองหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส หรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัส โดยอาการสังเกตที่ได้ คือ มีตุ่มน้ำ หรือ ตุ่มหนอง มีไข้ เจ็บคอ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่น

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กำลังเชิญประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาว่าสมควรที่จะประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงในรอบใหม่ เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) หรือไม่ เพื่อจะได้เพิ่มการระดมทรัพยากรให้การช่วยเหลือประเทศที่ประสบกับการระบาดรุนแรงได้เหมาะสม

ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายกรมควบคุมโรคยกระดับมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองโรค ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และโรงพยาบาลทุกแห่ง ประสานแจ้งให้คนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่ระบาดสังเกตและแจ้งอาการต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ และหากสงสัยว่าป่วยภายหลังกลับมาถึงแล้ว ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาทันที สำหรับประชาชนทั่วไป ขออย่าได้วิตกกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีประสบการณ์รับมือโรคฝีดาษลิง ที่เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ช่วงปี 2565-2566 ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และมีระบบเฝ้าระวังคัดกรองและป้องกันควบคุมโรคที่เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับโลก.