สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ ว่า พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ มีคำสั่งให้ประจำการเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี เข้าไปประจำการในภูมิภาคตะวันออกกลาง

แม้กองทัพสหรัฐส่งเรือดำน้ำ “ยูเอสเอส จอร์เจีย” ไปประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แต่นับเป็นความเคลื่อนไหวที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ว่าสหรัฐประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการประจำการเรือดำน้ำในตะวันออกกลาง


ขณะที่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุด้วยว่า พล.อ.ออสติน มีคำสั่งให้เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ “ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น” เข้าไปประจำการในภูมิภาคแห่งนี้ด้วย


ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน กองทัพสหรัฐส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ-22 ไปประจำการในภูมิภาคตะวันออกกลาง “เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่” และ “เพื่อบรรเทาความเป็นไปได้ของการกระตุ้นความรุนแรง โดยอิหร่านและตัวแทน”


อนึ่ง สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดสู่ระดับใหม่ จากการเสียชีวิตของนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำสูงสุดฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ซึ่งถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน หลังเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำอิหร่าน ของประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน เมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา


จนถึงตอนนี้ อิสราเอลยังคงสงวนท่าทีอย่างมากกับการเสียชีวิตของฮานเยห์ แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า อิสราเอล “มีความพร้อมสูงสุดต่อเหตุการณ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเชิงรุกหรือเชิงรับ” พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า “ใครที่โจมตีอิสราเอลจะถูกโจมตีกลับ”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES