สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ว่าองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) รายงาน แนวโน้มการรับรักษาชาวโรฮีนจาจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากการตกอยู่ท่ามกลางการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมา กับกองกำลังอาระกัน (เอเอ) ที่เมืองหม่องดอ ซึ่งมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศ และประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา


รายงานของเอ็มเอสเอฟระบุด้วยว่า ในรอบสัปดาห์ล่าสุดมีพลเรือนโรฮีนจาเสียชีวิตจากการสู้รบไม่ต่ำกว่า 150 ราย โดยผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่กล่าวว่า การเสียชีวิตและการได้รับบาดเจ็บ เป็นผลจากการยิงปืนใหญ่ และการใช้โดรนของนักรบอาระกัน เพื่อต้านทานกองทัพเมียนมา ซึ่งเน้นการโจมตีทางอากาศ


ด้านกองกำลังอาระกันและกองทัพเมียนมาต่างปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่หากเป็นความจริง จะถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในเมียนมา นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564

ทั้งนี้ กองกำลังอาระกันซึ่งสู้รบอย่างหนักหน่วงกับกองทัพเมียนมา ตั้งแต่ปี 2560 และหยุดยิงกันนานหลายปี กลับมาเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่ เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้กองกำลังอาระกันสามารถยึดครองพื้นที่ได้อย่างน้อย 9 เขต จากทั้งหมด 17 เขตในรัฐยะไข่ และพยายามตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ในการเข้ายึดครองเมืองหม่องดอ.

เครดิตภาพ : AFP