เมื่อวันที่ 11 ส.ค. น.ส.สุภาวดี (สงวนนามสกุล) พร้อม น.ส.อิสราภรณ์ (สงวนนามสกุล) เพื่อนของ น.ส.วันเพ็ญ (สงวนนามสกุล) หรือ ปุ้ย สาวหล่อผู้เสียหาย อายุ 43 ปี เข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลัง น.ส.ปุ้ย และเพื่อนไปดื่มสังสรรค์ มีอาการเมา ก่อนเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง แต่กลับถูกแท็กซี่เรียกเก็บค่าขอจอดรถอาเจียนข้างทาง และถูกเรียกเก็บค่าเสียเวลาจอดรถเพิ่ม เมื่อผู้เสียหายขอต่อรอง ทำให้แท็กซี่ไม่พอใจ หยิบมีดยาวไล่ฟันศีรษะจนเลือดคั่งในสมอง

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณตี 1 น.ส.ปุ้ย พร้อมเพื่อนชาวสิงคโปร์ เรียกรถแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง ให้มารับที่ร้านอาหารย่านประดิษฐ์มนูธรรม เนื่องจากเพิ่งดื่มสังสรรค์เสร็จ และมีอาการมึนเมา โดยแท็กซี่ที่มารับมีอาการหงุดหงิดตั้งแต่ก่อนจะมาถึงจุดรับแล้วหาจุดรับไม่เจอ มีการตะคอกใส่เพื่อนให้ไปนั่งด้านหลัง แต่ต้องไป 3 คน โดย น.ส.ปุ้ย นั่งข้างคนขับ หลังจากออกรถฝ่ายโชเฟอร์ก็ยังบ่นไปตลอดทาง จนฝ่าย น.ส.ปุ้ยให้จอดรถ เพราะจะอาเจียน ไม่อยากอาเจียนในรถ โชเฟอร์ก็จอดให้ก่อนจะทำทีมาเป็นเช็ดประตูรถแล้วบ่นว่าเสียเวลา ขับไปได้สักพัก น.ส.ปุ้ย เกิดอาการอาเจียนอีกรอบ คราวนี้โชเฟอร์หยิบถุงพลาสติกมาให้ โดยไม่ยอมจอดทำให้ น.ส.ปุ้ย เปิดกระจกก่อนอาเจียนใส่ถุง ซึ่งอาเจียนไม่ได้เลอะรถแต่อย่างใด

ระหว่างขับรถ ฝ่ายแท็กซี่ยังคงไม่พอใจ เรียกค่าเสียเวลา 500 บาท ไม่รวมค่าโดยสาร เพื่อน ๆ มองว่าหากมีการอาเจียนจนเลอะรถก็พร้อมจะจ่ายค่าล้างรถ และค่าเสียเวลา แต่ปรากฏว่าไม่มีการอาเจียนเปื้อนรถ จึงต่อรองเหลือ 200 บาท แต่ฝ่ายโชเฟอร์ยังไม่ยอม ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายเพื่อนให้แท็กซี่จอดระหว่างทาง และจ่ายค่าเสียเวลา 200 บาท ส่วนค่าโดยสารตัดผ่านบัตรเครดิตไปตั้งแต่แรก หลังลงจากรถจังหวะปิดประตูเสียงดัง ทำให้ฝ่ายโชเฟอร์ไม่พอใจหยิบมีดดาบยาวเข้ามาฟันศีรษะคนที่อาเจียน 2-3 ครั้ง โดยฝ่าย น.ส.ปุ้ยพยายามเอาแขนขึ้นมากัน จนเพื่อน ๆ ต้องตะโกนให้หยุด แต่อีกฝ่ายยังคงกระหน่ำฟันไปเรื่อย ๆ จนแท็กซี่ที่ขับมาตามหลังบีบแตรดังลั่น ทำให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุกลับขึ้นรถขับหนีไป เพื่อน ๆ จึงรีบพา น.ส.ปุ้ยไป รพ.

โดยแพทย์ระบุอาการบาดเจ็บสาหัส กะโหลกร้าว มีบาดแผล 2 แผล เย็บ 20 เข็ม และนิ้วหัก 2 นิ้วจากการถูกฟัน ต้องใส่เฝือก และเย็บอีก 2 เข็ม ต้องนอนดูอาการอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาล ขณะที่พี่ชาย น.ส.ปุ้ย เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.โชคชัย ไปแล้ว เพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า แต่จุดเกิดเหตุยังไม่ชัดเจน ทำให้คดียังไม่คืบหน้า นอกจากนี้ครอบครัว น.ส.ปุ้ยยังได้ประสานไปยังแอปพลิเคชันต้นสังกัดที่เรียกรถ แต่แอปเพียงแค่ระงับบัญชีโชเฟอร์แท็กซี่ ส่วนฝ่ายโชเฟอร์แท็กซี่ก็ปฏิเสธให้ข้อมูล ทางครอบครัวจึงนำเรื่องไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กของแอปพลิเคชันเรียกรถ แต่แอดมินกลุ่มกลับไม่อนุมัติโพสต์ สุดท้ายเห็นว่า น.ส.ปุ้ย ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายใดเลย จึงนำเรื่องมาร้องเรียนสายไหมต้องรอด

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า โชเฟอร์แท็กซี่รายนี้ ควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ เพราะเป็นการให้บริการประชาชน การขับขี่รถกลางคืน ต้องเจอกับเหตุการณ์คนเมาอาเจียนเป็นเรื่องปกติ จะไปเอามีดไล่ฟันแบบนี้ไม่ได้ หากเขาไม่จ่ายค่าทำความสะอาดรถหรือค่าเสียหาย ก็ควรจะไปแจ้งความผู้โดยสารกับตำรวจ ไม่ใช่เอามีดยาวไปไล่ฟัน แล้วมีดยาวขนาดนั้นพกไว้ในรถข้าง ๆ เบาะตลอด แสดงว่าพร้อมจะฟันใครก็ได้ ซึ่งนอกจากต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะแล้ว ควรตรวจสารเสพติดด้วยเพราะดูอารมณ์ไม่ปกติ.

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Survive – สายไหมต้องรอด