สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันว่า ทางกระทรวงได้ยกเลิกการระงับการส่งอาวุธปล่อยจากอากาศสู่พื้นดิน “บางส่วน” ให้กับซาอุดีอาระเบีย และจะพิจารณาการส่งอาวุธรอบใหม่เป็นรายกรณี ตามนโยบายการขนส่งอาวุธทั่วไป (ซีเอที)

ภายใต้กฎหมายสหรัฐ สมาชิกสภาคองเกรสต้องตรวจสอบข้อตกลงอาวุธระหว่างประเทศที่สำคัญ ก่อนตัดสินใจดำเนินการ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝ่ายนิติบัญญัติจากพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน ต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธร้ายแรงให้ซาอุดีอาระเบีย โดยกล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น การสูญเสียพลเรือนจากการโจมตีในเยเมน และความกังวลด้านสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม การคัดค้านข้างต้นเริ่มโอนอ่อนผ่อนปรน ท่ามกลางความวุ่นวายในตะวันออกกลาง หลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และเกิดการเปลี่ยนแปลงของการทำสงครามในเยเมน

นับตั้งแต่ซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มฮูตี บรรลุข้อตกลงสงบศึกที่นำโดยสหประชาติ (ยูเอ็น) เมื่อเดือน มี.ค. 2565 ซาอุดีอาระเบียก็ไม่มีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมน และการยิงข้ามพรมแดนจากเยเมน ก็หยุดลงเป็นส่วนใหญ่

“เราทราบถึงขั้นตอนเชิงบวกที่กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ดำเนินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงกระบวนการบรรเทาอันตรายต่อพลเรือนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของผู้ฝึกสอนและที่ปรึกษาของสหรัฐ” เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ในปี 2564 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้น เกี่ยวกับการขายอาวุธให้ซาอุดีอาระเบีย โดยเขากล่าวว่า การโจมตีของซาอุดีอาระเบีย ต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน ทำให้พลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก กระนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มดีขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตัน ทำงานร่วมกับรัฐบาลริยาดอย่างใกล้ชิดมากขึ้น.

เครดิตภาพ : AFP