กลิชี่, 6 สิงหาคม 2567 – ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2567 มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 7.3%1 โดยมียอดขายมูลค่า 2.212 หมื่นล้านยูโร การเติบโตมีความสมดุลระหว่างมูลค่าและปริมาณ ด้วยการผสมผสานระหว่างการวิจัยและนวัตกรรมอันทรงพลังกับความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำยุคให้กับผู้บริโภค และตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำในตลาดความงามของโลกที่ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง

นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวถึงตัวเลขผลประกอบการดังกล่าวว่า “แรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของเราในตลาดเกิดใหม่ ยุโรป และอเมริกาเหนือ ช่วยทดแทนตลาดที่ซบเซาในจีน และสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยในธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดภาษีเพื่อการท่องเที่ยว เราเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง พลวัตที่ไม่เคยหยุดนิ่งของแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ตลอดจนการเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการโฆษณาเพื่อโปรโมทนวัตกรรมใหม่และแบรนด์ทั้ง 37 แบรนด์ของเรา เป็นแรงหนุนให้ลอรีอัล กรุ๊ป สามารถก้าวข้ามตลาดความงามระดับโลกได้อีกครั้ง ในสภาพแวดล้อมที่ยังคงถูกกำหนดโดยความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ เรายังคงเห็นแนวโน้มที่ดีของตลาดความงาม และมั่นใจว่าพลังแห่งนวัตกรรมและความแข็งแกร่งของโมเดลแบบหลายขั้วของเราจะทำให้เราสามารถเอาชนะทุกความท้าทายและบรรลุเป้าหมายในการเติบได้ในปีนี้”

ผลการดำเนินงานตามแผนก
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ เติบโตขึ้น 5.7%1 ด้วยกลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์หลากหลายช่องทาง (Omnichannel) การขยายตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งในอีคอมเมิร์ซ และการจัดจำหน่ายแบบคัดสรร การเติบโตในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่คึกคักนี้ ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่: เคเรสตาส พรีเมียร์ (Kérastase Première) และ ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L’Oréal Professionnel) แอบโซลู รีแพร์ โมเลกุลาร์ (Absolut Repair Molecular)

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค เติบโตขึ้น 8.9%1 ผลประกอบการครึ่งปีแรกตอกย้ำกลยุทธ์การทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และกลยุทธ์ในการสร้างความพรีเมียมของแผนก แบรนด์หลักๆ ล้วนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแบรนด์ความงามอันดับหนึ่งของโลกอย่าง ลอรีอัล ปารีส (L’Oréal Paris) ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับสองหลัก
แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เติบโตขึ้น 2.3%1 โดยมีการเติบโตแข็งแกร่งในยุโรป และขยายตัวในระดับตัวเลขสองหลักในอเมริกาเหนือ รวมถึงในตลาดเกิดใหม่ โดยรวมแล้ว น้ำหอมยังคงเป็นหมวดหมู่ที่คึกคักที่สุด แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังเติบโตเหนือกว่าตลาดในทุกภูมิภาค ด้วยผลงานของแบรนด์กูตูร์ การฟื้นตัวของเมคอัพยังคงดำเนินต่อไป ด้วยแรงหนุนจากนวัตกรรมอันทรงพลังโดยอีฟ แซงต์ โลร็องต์ (Yves Saint Laurent) และอาร์มานี่ (Armani)
แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เติบโตขึ้น 16.4%1 โดยยังคงรักษาจังหวะการเติบโตแข็งแกร่งได้อย่างยอดเยี่ยม และเติบโตเหนือกว่าตลาดเวชสำอางซึ่งยังคงคึกตักต่อเนื่องแม้ว่าจะเผชิญกับภาวะการชะลอตัวลงในตลาดอเมริกา ลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) ยังคงเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้สูงสุดให้กับแผนก อันเป็นผลมาจากความสำเร็จของนวัตกรรมล้ำยุคอย่าง “เมลา บี3” (MelaB3) ซึ่งจัดการกับปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุดโดยใช้ Melasyl™ นวัตกรรมส่วนผสมสิทธิบัตรล่าสุดจากลอรีอัล กรุ๊ป

ผลการดำเนินงานของภูมิภาค SAPMENA–SSA เติบโตขึ้น 15.2%
ในเอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาใต้ตอนใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในภูมิภาคนี้ มีการเติบโตครอบคลุมทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์และแผนก และทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า โดยในส่วนของมูลค่านั้น ได้รับแรงหนุนจากการผสมผสานระหว่างส่วนผสมและราคาอย่างสมดุล ประเทศที่ทำรายได้หลักๆ ได้แก่ กลุ่มออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ไทย ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย

แผนกเวชสำอางมีผลงานโดดเด่นที่สุด ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเซราวี เช่นเดียวกับแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ที่ขับเคลื่อนโดยลอรีอัล ปารีส และการ์นิเย่ เช่นเดียวกับแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ที่มี YSL Beauty เป็นแบรนด์ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม น้ำหอมยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ต่างๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเติบโตแข็งแกร่งจากความสำเร็จของแผนกเวชสำอางและแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้รับแรงหนุนจากการสร้างความพรีเมียมทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและช่างผมมืออาชีพ
ดูรายงานผลประกอบการได้ที่ www.loreal-finance.com

ผลงานด้านงานวิจัย เทคโนโลยีความงาม และดิจิทัล
-แผนกวิจัยและนวัตกรรม ลอรีอัล กรุ๊ป ร่วมกับมหาวิทยาลัยออริกอน ประสบความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบการพิมพ์ผิวหนังชีวภาพที่เลียนแบบผิวหนังมนุษย์เป็นครั้งแรก ผลลัพธ์จากนวัตกรรมสร้างผิวหนังนี้ช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างที่เหมือนผิวหนังได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของลอรีอัล กรุ๊ป ด้านนวัตกรรมและความงามที่ไม่ทดลองกับสัตว์
-ลอรีอัล กรุ๊ปได้จัดแสดงนวัตกรรมความงามมากมายที่งานวีว่า เทคโนโลยี ในกรุงปารีส อาทิ เทคโนโลยีเพื่อการบำรุงผิวหน้า Renergie Nano-Surfacer|400 Booster จากลังโคม, เครื่องวิเคราะห์ผิว Derma-Reader จากคีลส์, เครื่องวิเคราะห์สุขภาพเส้นผม My Hair [iD] – Hair Reader จากลอรีอัล โปรเฟสชันแนล, ผู้ช่วยความงามส่วนตัว Beauty Genius จากลอรีอัล ปารีส และ CREAITECH เครื่องมือสำหรับผลิตคอนเทนต์ความงามด้วย Gen AI
-งาน Cannes Lions International Festival of Creativity 2024 มอบรางวัลกรังด์ปรีซ์ สาขาการตลาดสื่อสังคมออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ ให้กับเซราวี พร้อมกับรางวัลคานส์ ไลออนส์ อีกเก้ารางวัล ทำให้เซราวีเป็นหนึ่งใน 10 แบรนด์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในงาน

ผลงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
-มูดี้ส์ ได้ให้คะแนนการประเมินด้าน ESG แก่ลอรีอัล กรุ๊ป 74 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรมความงามอย่างมาก คะแนนดังกล่าวตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนของลอรีอัล กรุ๊ปไปสู่รูปแบบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและครอบคลุมมากขึ้น ด้วยการตั้งเป้าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ท้าทาย
-ลอรีอัล กรุ๊ปได้รับรางวัล RoSPA (ราชสมาคมเพื่อการป้องกันอุบัติเหตุ) รวม 69 รางวัล จากไซต์งาน 70 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ด้านสุขภาพและความปลอดภัย
-เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของโปรแกรม L’Oréal for the Future บริษัทฯ ได้นำ EcoDesignCloud ของ Eviden มาใช้ สำหรับวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสื่อ ณ จุดขายและสื่อส่งเสริมการขาย
-มูลนิธิลอรีอัลและยูเนสโกประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลทุนวิจัย ลอรีอัล-ยูเนสโก เพื่อสตรีในด้านวิทยาศาสตร์ ระดับนานาชาติครั้งที่ 26 เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานวิจัยบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่มีการก่อตั้งโครงการนี้ ผู้ได้รับรางวัลทุนวิจัยสตรี 7 คนจาก 132 คน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์