สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 11 ส.ค. โดยอ้างจากรายงานของสำนักข่าวทาสส์ ว่าทางการรัสเซียอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 76,000 คน ออกจากเมืองหลายแห่งในภูมิภาคเคิร์สก์ เบลโกรอด และเบรียนสก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ และติดกับพรมแดนของยูเครน ซึ่งกองทัพยูเครนเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดน เมื่อช่วงต้นเดือนนี้
ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียกล่าวว่า ยูเครนส่งทหารไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย รุกล้ำข้ามพรมแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งถือว่ามากที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่สงครามระหว่างทั้งสองประเทศเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงสถานการณ์ที่ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ว่ารัฐบาลมอสโก “ต้องสัมผัสกับผลกระทบของสงคราม” จากการเป็นฝ่ายรุกรานยูเครนก่อน และแสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยการกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าได้รับรายงาน “เกี่ยวกับสถานการณ์บนแนวรบส่วนหน้า” จาก พล.อ.โอเล็กซานเดอร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน ว่า “ทหารกำลังพยายามผลักดันสงครามให้กลับคืนไปยังดินแดนของผู้รุกราน”
ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัฐบาลเคียฟอยู่เบื้องหลังการโจมตี และการละเมิดพรมแดนที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ในภาคตะวันตกของประเทศ ส่วนกองทัพรัสเซียยืนยัน การเดินหน้าโจมตีตอบโต้ทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อขัดขวางการละเมิดพรมแดนของยูเครน
อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธ โจมตีเมืองคอสต์ยันตินิฟกา ในภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 43 คน
อนึ่ง กองทัพรัสเซียปฏิบัติการภาคพื้นดิน ที่ภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงภูมิภาคซูมีที่อยู่ใกล้กัน โดยซูมีเป็นภูมิภาคซึ่งยูเครนใช้เป็นฐานเปิดฉากข้ามพรมแดนครั้งนี้ ตามข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงรัสเซีย.
เครดิตภาพ : AFP