เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.อนัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ภายหลังซื้อบ้านเดี่ยวเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ของโครงการหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ราคาเกือบ 5 ล้านบาท สุดท้ายต้องหนีไปอยู่คอนโดฯ เพราะทนเสียงเห่าหอนและกลิ่นอุจจาระของสุนัขที่เพื่อนบ้านเลี้ยงเอาไว้ไม่ได้ ที่ผ่านมายื่นร้องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางบัวทอง และเทศบาลเมืองบางคูรัด ผ่านไป 3 ปี แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถาวร
น.ส.อนัญญา กล่าวว่า ซื้อบ้านหลังนี้เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้ามาอยู่ได้ เพราะมีเสียงรบกวนจากสุนัขหลังบ้านแล้วก็มีกลิ่นอุจจาระส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ซึ่งบ้านของตนได้รับผลกระทบทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์ไปที่เทศบาลเมืองบางคูรัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางบัวทองมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ก็ต้องเสียเงินค่าผ่อนบ้านทุกเดือน เดือนละ 25,000 บาท ตนสามารถเลือกซื้อบ้านได้ตามที่ใจต้องการ แต่ไม่สามารถเลือกเพื่อนบ้านได้เลย สุดท้ายนี้อยากจะฝากไปถึงเพื่อนบ้าน คุณสามารถเลี้ยงสัตว์อะไรก็ได้ แต่คุณต้องบริหารจัดการไม่ให้ทั้งเสียงและกลิ่นไปรบกวนคนอื่น ตอนนี้เครียดมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจร้องเรียนไปที่เพจกล้าที่จะก้าว ให้เข้ามาช่วยเหลือ
ด้าน น.ส.ภาสินี สุทธิศรี อายุ 53 ปี เจ้าของสุนัข กล่าวว่า ตอนนี้ถ้ามีหน่วยงานจะเข้ามาดูแลหรือช่วยเหลือนำน้องหมาไปตนก็ยินดี จะได้แบ่งเบาภาระลงไปบ้าง ตอนแรก watch dog บอกว่าจะเข้ามาช่วย แต่เงียบไปเลย ตอนนี้มีสุนัขที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดจำนวน 22 ตัว ที่ผ่านมา ทางเทศบาลก็นำน้ำหมักชีวภาพมาแจก ส่วนอุจจาระของสุนัขตนก็เก็บอย่างดี แต่บางครั้งก็มีหลงเหลืออยู่บ้าง บางวันฝนตกน้ำท่วม อุจจาระก็จะไหลนองไปที่หน้าบ้าน
น.ส.ภาสินี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องอาหารสุนัข ตนก็ซื้อเองทุกอย่าง ค่าอาหาร 2 วัน ก็ตกประมาณ 600 บาท ไม่มีใครมาช่วย บางทีคนไม่ได้กิน แต่ให้หมากินหมด เพราะยิ่งโตมันก็ยิ่งกินจุ ซึ่งบนบ้านจะเป็นนอกระเบียง จะมีหมาอยู่ประมาณ 4-5 ตัว มันจะเห่าหอนก็เฉพาะตอนที่มันได้ยินเสียงหรือเวลามีคนมา แต่ถ้ามันกัดกัน ตนก็จะขึ้นไปจัดการ ที่ผ่านมาเพื่อนบ้านไม่ได้มาบอกว่าเขาเดือดร้อนอะไร แต่เขาไปแจ้งเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลก็เข้ามาคุยกับตน ว่าให้ช่วยดูหน่อย ตนก็อยากจะหาที่ใหม่ให้น้องหมาไปอยู่ แต่มันหาไม่ง่าย ถ้าหากได้ที่ ก็ต้องไปทำเพิงให้หมาอยู่อีก
“บางครั้งเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างบ้าน เขารับแขกกันตลอด 24 ชั่วโมง หมามันนอนอยู่ก็ตกใจ มันจึงเห่าส่งเสียงดัง ตอนนี้ตนต้องมานอนเฝ้าของหน้าบ้าน เพราะที่บ้านเคยของหาย แต่ก็ไม่เคยมีใครมาช่วยเหลือหรือดูแล ที่เลี้ยงหมาไว้ก็เพื่อให้ช่วยเฝ้าบ้านด้วย ตอนนี้รอว่า watch dog เขาจะช่วยอย่างไรได้บ้าง แต่ถ้าไม่ช่วยหรือช่วยไม่ได้ ตนก็ต้องหาที่ใหม่ให้เขาอยู่ โดยยืมเงินใครสักก้อนหนึ่งไปทำเพิงพักให้หมาอยู่ แต่ก็จะเหลือเอาไว้ 6 ต้ว เพื่อเอาไว้เฝ้าบ้าน” เจ้าของสุนัข กล่าว
ขณะที่ นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า วันนี้มาดูพื้นที่จริงว่ามีเสียงสุนัขเห่าหอนและกลิ่นออกมา จริงหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยพบว่าเสียงหมาเห่ามีดังบ้างเป็นระยะ แต่กลิ่นรุนแรงมากถึงขั้นแสบจมูก วันอังคารนี้ตนจะพาเจ้าของบ้านไปยื่นหนังสือกับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้แก้ไขปัญหาและให้ทางเทศบาลเมืองบางคูรัด เร่งรัดว่าจะเอาสุนัขทั้งหมดไปที่ไหนได้บ้าง หรือทำให้สุนัขเหลือน้อยลง ทุกปัญหาที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องแก้ไขให้มันจริงจัง หรือจะเอาสุนัขไปไว้ที่มูลนิธิไหนก็ได้ การเลี้ยงสุนัขตามกฎหมายเขาไม่ได้ห้าม แต่เลี้ยงให้มันอยู่ในขอบเขต และให้อยู่ในความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงและกลิ่น เจ้าของต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไม่ทำเพื่อนบ้านต้องให้รับความเดือดร้อน.