สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการส่งเครื่องยิงจรวด ปืนใหญ่ รถถัง และยานพาหนะทางทหารหุ้มเกราะ เข้าสู่ภูมิภาคเคิร์สก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ และมีพรมแดนติดกับยูเครน เพื่อรับมือกับปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดนของกองทัพยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว


อีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า ภูมิภาคลิเปตสค์ที่อยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีระลอกใหญ่ด้วยอากาศยานไร้คนขับ สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้า และสนามบินทหารในพื้นที่ด้วย แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการในเรื่องดังกล่าว

ประชาชนในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย อพยพออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของทางการ


ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียกล่าวว่า ยูเครนส่งทหารไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย รุกล้ำข้ามพรมแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของประเทศ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามากที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่สงครามระหว่างทั้งสองประเทศเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงสถานการณ์ที่ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ว่ารัฐบาลมอสโก “ต้องสัมผัสกับผลกระทบของสงคราม” จากการเป็นฝ่ายรุกรานยูเครนก่อน


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัฐบาลเคียฟอยู่เบื้องหลังการโจมตี และการละเมิดพรมแดนที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ในภาคตะวันตกของประเทศ และกองทัพรัสเซียยืนยัน การเดินหน้าโจมตีตอบโต้ทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อขัดขวางการละเมิดพรมแดนของยูเครน


อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธ โจมตีเมืองคอสต์ยันตินิฟกา ในภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 43 คน


อนึ่ง กองทัพรัสเซียปฏิบัติการภาคพื้นดิน ที่ภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงภูมิภาคซูมีที่อยู่ใกล้กัน โดยซูมีเป็นภูมิภาคซึ่งยูเครนใช้เป็นฐานเปิดฉากข้ามพรมแดนครั้งนี้ ตามข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงรัสเซีย.

เครดิตภาพ : AFP