เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ครอบครัวของทิฟฟานี อาห์มูจากย่านชานเมืองซานดิเอโก พบเหตุการณ์สุดสะพรึง เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงผึ้งที่ดุร้ายในสวนหลังบ้านของตัวเองจนต้องสูญเสียสุนัขของครอบครัวไป
อาห์มูเล่าว่าในวันเกิดเหตุ เธอพบว่าท้องฟ้าตรงสวนหลังบ้านของเธอเต็มไปด้วยฝูงผึ้ง ขณะเดียวกันก็มองเห็นร่างของสุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์อายุ 12 ปีของครอบครัวชื่อว่า “โคนา” นอนอยู่ที่พื้นโดยมีฝูงผึ้งรุมโจมตี
อาห์มูเล่าว่าสุนัขของเธอมีผึ้งเกาะเต็มตัวไปหมดจนมองไม่เห็นขนของมันเลย เธอจึงรีบคว้าตัวมันไว้ มันยังไม่ตาย แต่ก็อ่อนแรงเต็มที เธอรีบกระโดดลงไปในสระน้ำของที่บ้านเพื่อไล่ฝูงผึ้งออกไป เนื่องจากเธอเองก็โดนฝูงผึ้งเกาะไปทั้งตัว
อาห์มูโดนผึ้งต่อยนับครั้งไม่ถ้วนระหว่างที่พยายามช่วยชีวิตสุนัขและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกับลูก ๆ ของเธออีก 2 คนซึ่งออกมาโดนผึ้งต่อยด้วย แต่โรงพยาบาลก็ปล่อยตัวพวกเขาให้ไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ในเวลาไม่นานนัก
ส่วนเจ้าโคนากลับเคราะห์ร้าย แผนกรักษาสัตว์ฉุกเฉินไม่สามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้ อาห์มูกล่าวว่าโคนาไม่ได้เป็นเพียงสุนัขประจำบ้าน แต่มันยังเป็นสุนัขบำบัดที่คอยให้ความช่วยเหลือและปลอบขวัญผู้ป่วยในครอบครัว มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่นและมักจะอยู่ไม่สุข
ขณะนี้ยังไม่สามารถสืบทราบได้ว่าฝูงผึ้งที่รุมต่อยโคนาและครอบครัวของอาห์มูนั้นเป็นผึ้งสายพันธุ์ใด
ตามรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐระบุว่าระหว่างปี ค.ศ. 2011-2021 มีประชาชนที่เสียชีวิตเนื่องจากโดนผึ้ง, ต่อ, แตน ต่อยถึง 788 ราย คิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ 72 ราย
ดูอาน โคมบ์ส ประธานของสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งแห่งแอริโซนาตอนกลางและผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงผึ้งจากมหาวิทยาลัยมอนทานาก็ให้คำแนะนำว่า เมื่อพบฝูงผึ้งที่บินเข้ามาหา มันจะพุ่งชนเรามากกว่าจะต่อยเรา เพราะถ้ามันต่อยเราเมื่อไหร่ มันก็จะต้องตายเช่นกัน หากเผชิญหน้ากับฝูงผึ้ง ต้องใจเย็น อย่าลนลาน
ผึ้งน้ำหวานมีแนวโน้มที่จะรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่เมื่อมันกำลังมองหาที่สร้างรังแห่งใหม่ นอกจากนี้การรวมฝูงอาจเกิดขึ้นระหว่างฤดูเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งจากผึ้งเลี้ยง
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผึ้งแนะนำว่าหากไม่ต้องการดึงดูดความสนใจจากฝูงผึ้งให้ทำดังต่อไปนี้
– หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าสีเข้ม เสื้อผ้าทรงหลวม เครื่องประดับที่เป็นประกายหรือสะท้อนแสงได้
– งดใส่น้ำหอมหรือโคโลญจน์ที่มีกลิ่นแรง
– อย่าเคลื่อนไหวในลักษณะลุกลน เมื่ออยู่ใกล้รังผึ้ง
– อย่าไล่ตีผึ้ง
ที่มา : usatoday.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGE
