สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ว่าบริษัทโคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล หนึ่งในผู้ผลิตยารายใหญ่ของญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการยุติธุรกิจทั้งหมด ที่เชื่อมโยงกับอาหารเสริม “เบนิ โคจิ” หรือ “ข้าวยีสต์แดง” โดยให้เหตุผลว่า บริษัทคำนึงถึง “อันตรายร้ายแรงและความยากลำบากที่เกิดขึ้นกับสังคม” ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาหารเสริมชนิดนี้ และจะเริ่มรับคำร้องเพื่อเรียกค่าชดเชยจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. นี้


ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า จะเกี่ยวข้องกับการบริโภคอาหารเสริมข้าวยีสต์แดง สะสมอยู่ที่อย่างน้อย 107 ราย นับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อย 467 ราย


ขณะเดียวกัน โคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล เผชิญกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากสังคม จากการที่บริษัทออกมายอมรับเกี่ยวกับ “อันตราย” ที่อาจเป็นผลจากการรับประทานอาหารเสริมข้าวยีสต์แดง เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งเป็นเวลานานถึง 2 เดือนหลังได้รับรายงานครั้งแรกเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบ ที่อาจเกิดขึ้นหลังการรับประทานอาหารเสริมชนิดนี้


แม้ผลการศึกษาวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นระบุไปในทางเดียวกัน ว่าการรับประทานข้าวยีสต์แดงอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ แต่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะของผู้รับประทาน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารอื่นที่เป็นส่วนผสมของอาหารเสริมชนิดนี้ และระยะเวลาที่ต่อเนื่องในการรับประทานด้วย


ด้านกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่า กรดพิวเบอรูลิก ซึ่งเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มาจากราสีน้ำเงินในอาหารเสริมนั้น อาจส่งผลกระทบต่อไตของผู้บริโภค หากมีการรับประทานข้าวยีสต์แดงในระยะยาว


อนึ่ง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากข้าวยีสต์แดงของโคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล ผ่านการตรวจสอบและรับรองตามกฎหมายการประเมินด้านอาหารและยาของญี่ปุ่น เมื่อปี 2558.

เครดิตภาพ : AFP