จากกรณี ”เดลินิวส์” นำเสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐและการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อ พนักงานสอบสวน บก.ปทส. ขณะที่เทศบาลใช้คำสั่งปกครอง ทุบ 2 อาคารนำร่อง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 ส.ค. พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ว่า ภายหลังกองทัพภาคที่ 4 โดย กอ.รมน.ภาค 4 เข้าดำเนินการตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่พักบนพื้นที่สูงตามแนวสันเขา ซึ่งอาจจะผิดกฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ก่อสร้างและการควบคุมอาคาร พ.ร.บ.ควบคุมสิ่งแวดล้อม และ พ.ร.บ.โรงแรม

โดยในการทำงานล่าสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 จนถึงปัจจุบันปัจจุบัน เป็นระยะเวลาร่วม 4 เดือน คณะทำงานบูรณาการฯ ภายใต้ “สมุยโมเดล” ซึ่งมีคณะทำงานประกอบด้วยหน่วยงานราชการผู้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สามารถเข้าตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน เกี่ยวกับการกระทำผิด รวมทั้งทั้งสิ้น 4 กลุ่มอาคาร จำนวน 101 หลัง กับอีก 2 อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังก่อสร้างเป็นโรงแรม โดยกลุ่มอาคารที่คณะทำงานฯ เข้าตรวจสอบ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนที่ลาดชันสูง ซึ่งบ่งชี้ทางกายภาพที่เห็นได้ชัดเจน ผลจากการเข้าตรวจสอบก็พบว่าอาคารเหล่านั้น มีการก่อสร้างโดยผิดกฎหมาย ทั้งที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ภายในเดือน ส.ค. นี้ คณะพนักงานสืบสวน กอ.รมน.ภาค 4 จะรวบรวมหลักฐานการสืบสวนสอบสวน กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน ปทส. เพิ่มเติมอีก 2 กลุ่มอาคาร จำนวน 36 หลัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณและชื่นชมในความร่วมมือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ในการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างอาคารที่ผิดกฎหมาย ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย การใช้คำสั่งปกครองของเทศบาลนครเกาะสมุย และ จ.สุราษฎร์ธานี ในการเข้าทุบอาคาร จำนวน 2 จุด เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จะสามารถทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความราบรื่น และกฎหมายสามารถบังคับใช้ได้กับทุกคนด้วยความเสมอภาค ไม่ว่าในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆอาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

กลัวที่ไหน! ‘วิลล่าหรูเกาะสมุย’ ถูกสั่งหยุดก่อสร้าง แต่นายทุนไม่สนกฎหมายไทยลุยสร้างต่อ

อย่างกรณีของสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 จุด ที่เทศบาลนครเกาะสมุยอาศัยคำสั่งทางปกครองทุบทำลาย แม้ว่าจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 62 แต่หากเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้บังคับใช้กฎหมาย มีความใส่ใจ และยึดมั่นในความถูกต้อง แม้จะใช้เวลาก็ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น ตรงนี้เราถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการปกป้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และธำรงไว้ซึ่งการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบสุข ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อันถือเป็นอีกภารกิจหลักของ กอ.รมน. และเราจะนำแนวทางการทำงานบูรณาการภายใต้ สมุยโมเดล ไปใช้กับการแก้ไขปัญหาในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่อื่นของกองทัพภาคที่ 4

”การทำงานอย่างต่อเนื่องของกองทัพภาคที่ 4 ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับที่ดินทำกินของราษฎร การแก้ไขปัญหา การบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การดำเนินการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มาตั้งแต่ปี 2560 พบว่า ตัวการสำคัญ ที่ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างล่าช้า คือ การใช้อิทธิพลข่มขู่ข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ อย่างกรณีของพื้นที่ อ.เกาะสมุย ก็มีรายงานในลักษณะนี้เช่นกัน ตนยืนยันในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กองทัพภาค 4 ว่า จะอยู่เคียงข้างข้าราชการ และประชาชนที่ถูกเอาเปรียบ และพร้อมที่จะใช้อำนาจทางกฎหมายที่มีอยู่เข้าไปดำเนินการกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งหากข้าราชการไม่สบายใจหรือถูกอิทธิพลข่มขู่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ก็ขอให้แจ้งเบาะแสหรือความช่วยเหลือมายังตนได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเด็ดขาด และยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปกลั่นแกล้งผู้ใดอย่างแน่นอน“ พล.ท.ศานติ กล่าวในที่สุด