เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ว่า ขณะนี้ 30 บาทรักษาทุกที่ นำร่องไปแล้ว 45 จังหวัดพบว่า ประชาชนให้ความพึงพอใจสูงมาก เพราะทำให้ระบยะเวลาในการรอคิวลดน้อยลง ค่าใช้จ่ายเองก็สามารถลดลง และในวันที่ 26 ส.ค. 2567 นี้ จะคิกออฟใน กทม. ซึ่งยอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนมาก มี รพ.ระดับตติยภูมิจำนวนมาก เช่น รพ.มหาวิทยาลัย รพ.ของกระทรวงสาธารณสุขบางแห่ง เช่น รพ.เลิดสิน รพ.ราชวิถี รพ.นพรัตนราชธานี เป็นต้น รพ.ของกลาโหม เช่น รพ.พระมงกุฎเกล้า รพ.ภูมิพล เป็นต้น ดังนั้นจึงออกแบบว่านอกจากศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. แล้ว จะมีหน่วยนวัตกรรมเข้ามามีส่วนร่วม เช่น ร้านขายยา คลินิกเอกชน คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ในการเจาะเลือด เป็นต้น ทั้งนี้ สถานบริการที่เข้าร่วมจะมีตราสัญลักาษณ์ “30 บาทรักษาทุกที่” ติดไว้หน้า อย่างไรก็ตาม หากการเจ็บป่วยรุนแรง หรือซับซ้อนก็มีระบบส่งต่อไปยัง รพ.ใหญ่ ตามระบบที่ออกแบบไว้คือ สามารถส่งต่อโดยที่ไม่ต้องเขียนใบส่งตัวเลย ข้อมูลด้านสุขภาพจะอยู่บนระบบคลาวด์ หมอที่ดูแลการส่งต่อก็สามารถเปิดดูโดยความยินยอมของผู้ป่วย

เมื่อถามว่าการรักษาทุกที่ใน กทม. จึงไม่ได้ให้ไปที่ รพ.ใหญ่ก่อนใช่หรือไม่ รพ.ใหญ่จะรับเคสส่งต่อ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การไปดูแลเจ็บป่วยโรคพื้นฐานเบื้องต้นหรือไม่ซับซ้อน ระบบที่วางไว้ให้ไปศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. หรือหน่วยนวัตกรรมอย่างร้านขายยา คลินิกต่างๆ ก่อน ถ้าผู้ดูแล เห็นว่าต้องได้รบการดูแลซับซ้อนมากขึ้นจะเป็นการส่งตัวไปยัง รพ.ระดับตติยภูมิ ซึ่งออกแบบไว้อยู่แล้วว่ารับส่งต่ออยู่แล้ว ย้ำว่า วันนี้ระบบการเชื่อมข้อมูลได้ทำความตกลงเรียบร้อยแล้ว มีระบบ Healthlink เชื่อมโยงกับกลุ่มโรงเรียนแพทย์ รพ. ของกลาโหม ซึ่งใช้ระบบของฐานข้อมูลอีกแบบ ฉะนั้นไม่กังวลการเชื่อมข้อมูลสามารถเรียกดูข้อมูลได้เลย.