เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ทำเนียบ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.เกณิกา อุ่นจิตต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าผลงานรัฐบาล ในรายการ “ไฮไลต์ไทยคู่ฟ้า” ถึงกรณีการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานระดับโลกส่งต่อเม็ดเงินสู่ประชาชน และความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดขีดเส้นตายใน 3 เดือน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา การทำงานของรัฐบาล ซึ่งในเรื่องการท่องเที่ยว ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเนื่องจากจะสามารถฟื้นโดยเศรษฐกิจของไทยได้ โดยในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวสร้างรายได้ประมาณ 2.09 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว เดินทางเข้าประเทศกว่า 21 ล้านคน ซึ่งนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศหากเทียบสถิติกับปีที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
ขณะที่ตัวเลขการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง มีการประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยหากคิดจากการเทียบสถิติจากปีที่ผ่านมา พบว่าจะอยู่ที่ประมาณ 38 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณการอยู่ที่ 206 ล้านคน ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณการอยู่ที่ 2,738 ล้านบาท
โดยภาคการท่องเที่ยวจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ และไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง มาจากการท่องเที่ยว โดยในช่วงสัปดาห์หน้า ตนจะมีการอัปเดตตัวเลขทางด้านการเกษตร
ขณะที่ น.ส.เกณิการ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่า ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ในเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา ได้สั่งการและลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัด ที่ผ่านมามีการทำงานบูรณาการร่วมกันจากทุกหน่วยงาน โดยมีการกำหนด 25 จังหวัด นำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาโดยให้ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม ซึ่งมีจังหวัดต้นแบบธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด และท่าวังผาโมเดล จังหวัดน่าน ซึ่งการประเมินผลทั้งหมด มี 12 ตัวชี้วัดหลัก และ 31 ตัวชี้วัดย่อย
โดยมุ่งเน้นเรื่องการปราบปราม คัดกรองผู้เสพ ผู้ค้า รวมไปถึงเอกซเรย์พื้นที่ นำผู้ป่วยหรือผู้เสพมาบำบัดโดยสมัครใจ มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้บำบัดและมีค่ายทหารบูรณาการแก้ไข พร้อมฝึกอาชีพ ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
น.ส.เกณิการ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่การคัดกรองในปัจจุบัน มีผู้เข้าสู่กระบวนการแล้วกว่า 146,269 คน โดย 10 จังหวัดที่มีการคัดกรอง ประกอบด้วย ขอนแก่น กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา เชียงใหม่ ร้อยเอ็ด อุดรธานี สงขลา ปทุมธานี นครสวรรค์ และเลย
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเห็นชอบ เพิ่มบำเหน็จความเห็นชอบกรณีพิเศษสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ด้านยาเสพติดทั่วประเทศ ไม่เกินร้อยละ 2.5 และผู้ปฏิบัติงาน ไม่เกิน 1.5 ซึ่งใช้งบประมาณ 85 ล้านบาท อัดฉีดตั้งแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 มิ.ย. ถึง 31 ก.ค. ในปี 2566 และ ปี 2567 จะเห็นได้ว่า มีจำนวนตัวคดีและผู้ต้องหาเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวของปีนี้มีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นเป็น 13,144 คดี มีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นเป็น 23,581 ราย
โดยรองโฆษกฯ กล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ไขปัญหาในทุกมิติ พร้อมกับระบุว่า หากพบว่ามีหน่วยงานใดเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็พร้อมที่จะปราบหมด ไม่สนลูกใคร
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศการท่องเที่ยวไทยเราฟื้นได้อย่างดีมาก หากตัดเกรด คือ A + ต้องชมการท่องเที่ยวและ ททท. ที่ใช้ฝีมือและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม และในปีหน้าคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 650,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ทำให้ GDP ขยายตัวไปได้ มากกว่า 3% และที่เรื่องยาเสพติด นายกรัฐมนตรีย้ำว่าหากฟื้นเศรษฐกิจแบบปล่อยปัญหายาเสพติดเอาไว้ ก็จะเป็นเครื่องบั่นทอนกำลังการผลิตของภาคเศรษฐกิจของไทย จึงจำเป็นต้องขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปให้ได้ ซึ่งถือเป็น 2 เรื่องใหญ่ในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจทรัพยากรทุกอย่าง เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหา