7 ส.ค.67 วันประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทย ไม่เคยได้เหรียญโอลิมปิกพร้อมๆ กันถึง 3 เหรียญ

ทุกอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ และได้มาทุกสี

1 ทองจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง, 1 เหรียญเงินจาก “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนักรุ่น 66 กก.ชาย และ 1 เหรียญทองแดงจาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า ยกน้ำหนักรุ่น 49 กก.หญิง

ข้อมูลใดๆ แง่มุมต่างๆ องค์ความรู้มากมาย จากกูรู ผู้รู้หลายสำนัก ว่ากันไปเยอะแล้ว ผมขอเล่าในมุมของคนที่ไปทำข่าวที่สนามแข่ง ว่าไปเห็น ไปเจออะไรมาบ้าง เก็บที่จำได้มาเล่าให้อ่านกัน

น้องเทนนิส พาณิภัค คือไฮไลต์ของวัน และของทัพนักกีฬาไทยในปารีสเกมส์ เพราะเธอประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะเลิกแล้ว พกศักดิ์ศรีมีทุกแชมป์บนโลก และกำลังสร้างประวัติศาสตร์กีฬาไทย คนแรกที่ได้ 3 เหรียญโอลิมปิก และคนแรกที่ได้ 2 เหรียญทอง

สื่อมวลชนจึงแห่กันไปที่กร็องด์ ปาเลส์ สังเวียนเทควันโด สนามแข่งขันที่สวยงาม มีประวัติยาวนาน เสิร์ชๆ ดู ระบุว่าเคยใช้เป็นโรงพยาบาล สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย

ด้วยบรรยากาศบีบอัด กดดัน มีส่วนให้ น้องเทนนิส ต้องเครียด

คนนอกอย่างเราๆ ดูหน้าตาพอจับอาการออก ยิ่ง ผศ.พิมล ศรีวิกร นายกสมาคมเทควันโด ยิ่งมองออก ประชิดตัวปลุกใจตั้งแต่จบแมตช์แรก

กระนั้นก็ตาม น้องเทนนิส เตะฉลุยฉุยฉายไปไม่หยุด

ตามเวลาท้องถิ่น ช่วงบ่ายๆ ยกน้ำหนักขึ้นเวที รุ่น 66 กก.ชาย “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย

จบท่าสแนตช์ อันดับมีลุ้นเต็มๆ แล้วเป็นช่วงที่ น้องเทนนิส พักระหว่างรอบรองชนะเลิศ กับ รอบชิงชนะเลิศ ราว 5 ชั่วโมงพอดี

ผู้สื่อข่าวไทย ที่ไปประจำที่ กร็องด์ พาเลส์ ทั้งหมด ยิ่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะย้ายไปสนามยกน้ำหนักดีไหม แต่ด้วยระยะทางที่เดินทางเกือบชั่วโมง จึงต้องตัดใจ ทั้งที่ทุกคนอยากไป นอกจากรายงานข่าว ได้ข่าวได้ภาพแล้ว ยังอยู่ในบรรยากาศความสำเร็จ

แต่ที่แน่คือ จากที่ตั้งใจจะกินข้าวกลางวันกันตอน 4 โมงเย็น เพราะมีเวลาเหลือเฟือ กลายเป็นไม่ได้ไปไหนแล้ว เพราะทางเดินเข้า กรังด์ พาเลส์ ค่อนข้างไกลจากบริเวณที่มีของขาย บางคนต้องอุดหนุ่นแซนด์วิชของฝ่ายจัดการแข่งขัน อันละ 440 บาท!

โอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ค่อยมีอาหารว่างให้สื่อมวลชนนัก แถมยังเอามาตั้งโต๊ะขายในราคาแพงสำหรับคนไทย โค้ก+แก้ว 360 บาท อะไรอย่างนี้ ก็ยังดีที่มีกาแฟให้กดกินฟรี

เจ้าฟ่าง คว้าเหรียญเงินไปแล้ว สักพัก “ออย” สุรจนา คำเบ้า ขึ้นยกน้ำหนักรุ่น 49 กก.หญิง บ้าง

เป็นอีกคนที่ทำผลงานมีลุ้นเหรียญ มีแววตั้งแต่ท่าสแนตช์ และด้วยเวลา ก็จะชนกับ น้องเทนนิส ชิงกับ ชิงกัวะ พอดี

คู่นี้คงจำกันได้ เจอกันในรอบชิงชนะเลิศเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว นักเตะจีน แต้มขึ้นเอาๆ จน โค้ชเช ชัชชัย เช ต้องขอชาลเลนจ์ แถม ผศ.พิมล ช่วยกดดัน ก่อนดึงแต้มกลับคืน เปิดทางให้ น้องเทนนิส เตะรัวๆ แซงชนะสุดดราม่า

มาหนนี้เหมือนกัน ตัดสินที่ยกสุดท้าย แล้วก็มีชาลเลนจ์อีก 2 ครั้งเลย ขณะเหลือ 29 วินาที และ 14 วินาที ก่อน เทนนิส ชนะสร้างประวัติใดๆ มากมายที่คงทราบไปแล้ว

จังหวะพอดีกับ “น้องออย” สุรจนา คำเบ้า จอมพลังเชียงราย คว้าเหรียญทองแดง เป็นการเปิดตัวที่สุดยอดของยกน้ำหนักไทย

ผู้สื่อข่าวไทย ต้องวิ่งกันขาขวิด จะสะดุดบันไดหัวทิ่ม ไปเก็บบรรยากาศเทควันโด แล้วต้องวิ่งเข้าห้องเพรสมาเขียนข่าวยกน้ำหนักก่อน

รูปยกน้ำหนัก ต้องดุงจากสำนักข่าวต่างประเทศ ตามแต่ใครซื้อลิขสิทธิ์ไว้ เพราะช่างภาพไทย อยู่ที่เทควันโดกันหมด

น้องเทนนิส แข่งจบ กรี๊ดสนั่น ช็อตประทับใจก้มกราบโค้ชคู่ใจ สัมภาษณ์ทีวีนิดหนึ่ง แล้วกลับเข้าไปข้างในรอรับเหรียญ

จากหน้าเหนื่อยๆ แต่งหน้าแต่งตา ให้ดูสวยขึ้น(เดิมก็สวยแล้ว) ออกมารับเหรียญด้วยรอยยิ้มสดใส แฟนๆ ใน กรองด์ ปาเลส์ ยังอยู่กันเต็ม รอพิธีมอบเหรียญ

ธงชาติไทย ได้ขึ้นสู่ยอดเสาครั้งแรก

น้องเทนนิส เป็นตำนานของไทย และตำนานของเทควันโดโลก จึงโดนสื่อทั่วโลกรุมสัมภาษณ์หนัก แล้วก็ไม่รู้เป็นอะไร สื่อกลุ่มพวกเราต้องโดนจัดลำดับสุดท้ายทุกที รอไปเถอะ

พาณิภัค มาถึงกลุ่มของเรา จับไม้จับมือแสดงความยินดี พูดคุยแบบเริงร่าสุดๆ

ถามว่า ที่เคยบอกจะเลิก…ยังตามนั้นไหม

เทนนิส วัย 27 ปี ออกอาการลังเล ชักไม่แน่ใจ ขอคิดดูก่อน

ตรงนี้ไม่แน่ ช่วงนี้เพิ่งประสบชัยชนะอันหอมหวาน จากนี้ก็ไปชั่งใจ หาเหตุผล จบแบบนี้สวยพอไหม หรืออยากลุยอีก

สุดท้ายง่ายสุดคือ ถามใจตัวเอง ว่าพร้อมที่จะซ้อมหนัก พร้อมจะเจ็บตัวต่อไหม แล้วมีความสุขกับแบบไหนมากกว่า

ก่อนไปแถลงข่าวที่ห้องใหญ่ สื่อต่างประเทศก็งง เล่นเหนือๆ แบบนี้ ทำไมจะรีไทร์ เทนนิส บอกเจ็บทั่วตัวไปหมดแล้ว แต่ยังไงฝากโรงเรียนสอนเทควันโดไว้ในอ้อมใจด้วยนะ

เธอพูดไป แล้วก็หัวเราะด้วยความเขินไป ที่ฝากร้านกันดื้อๆ ไทอินบนเวทีเพรสคอนเฟอร์เรนซ์เลย สื่อต่างประเทศก็หัวเราะชอบใจในความน่ารัก

จากนั้นเธอมายืนคุยนอกรอบกับสื่อไทย พอพี่ๆนักข่าวร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ เทนนิสก็เล่นด้วย เต้นเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ซะงั้น เอาซิ่

มีสื่อนอกเอาแว่น 5 ห่วงโอลิมปิกมาให้ แล้วขอถ่ายรูปหน่อย

เธอก็งงๆ บ่นว่า “หนูไม่อยากใส่เลยๆ” แต่ก็ใส่นะ คงจะเกรงใจ

ใส่ไป ใส่มาเหมือนสนุก ทีนี้ไม่ถอดเลย ใส่กันยาวๆ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะคืนแว่นให้เจ้าของหรือไม่

ผมเหลือบเห็นเจ้าหน้าที่ของสนาม ก็นั่งดูอาการของเธอแล้วยิ้มให้กับความน่ารัก แม้ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันก็ตาม (ตามภาพข้างล่างนี่)

เป็นอารมณ์ปลดปล่อยหลังจากความเครียดมากๆ กับโอลิมปิกเกมส์

เทนนิส เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่นิสัยดี น่ารัก เป็นที่เอ็นดูของผู้หลักผู้ใหญ่รวมทั้งสื่อมวลชน

วงการสนทนาของเราจึงออกรสออกชาติ ยิ่งคิดกันว่าอาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะคุยกันในบทบาทแบบนี้ ยิ่งอยากจะคุยกันนานๆ อยากหัวเราะกันนานๆ

สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นบทสรุปเส้นทางเทควันโดของเธอหรือไม่

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ขออวยพรให้เธอโชคดีในเส้นทางที่เลือกเดิน

ที่สุดแห่งนักกีฬาไทย พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ.

*** วุฒินล ***